การดูแลก่อนคลอด

การดูแลก่อนคลอด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่งการดูแลคุณภาพการนอนหลับสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยคุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพที่แข็งแรง และหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อาจทำให้เกิดปัญหาได้ เรียนรู้เทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับ การดูแลก่อนคลอด ที่ Hello คุณหมอนำมาฝาก ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การดูแลก่อนคลอด

นับอายุครรภ์ อย่างไร วิธีคำนวณอายุครรภ์ ที่ถูกต้อง

การนับอายุครรภ์และวิธีคำนวณอายุครรภ์ เป็นสิ่งที่มักเข้าใจกันผิด สับสนว่าจะคำนวณอายุครรภ์จากวันที่มีเพศสัมพันธ์หรือไม่ และต้องนับอายุครรภ์อย่างไรให้แม่นยำ เพื่อประโยชน์ของแม่ตั้งครรภ์และลูกในท้อง [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] นับอายุครรภ์ มีประโยชน์อย่างไร อายุครรภ์ตั้งแต่วันแรกของการตั้งครรภ์จวบจนถึงวันคลอดเป็นสิ่งที่แม่ควรใส่ใจ การคำนวณอายุครรภ์อย่างแม่นยำ มีข้อดีที่เป็นประโยชน์ต่อตัวแม่และทารกในครรภ์ ดังนี้ การนับอายุครรภ์ ช่วยให้ทราบขนาดของลูกในท้องแต่ละไตรมาส ตลอดจนพัฒนาการของทารกในครรภ์และความสมบูรณ์ของทารก แม่จะได้ดูแลทารกอย่างเหมาะสม การนับอายุครรภ์ ช่วยให้แพทย์วางแผนการตรวจครรภ์ แม่จะทราบถึงข้อควรระวังในแต่ละไตรมาส โดยเฉพาะภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละไตรมาส การนับอายุครรภ์ ช่วยให้แพทย์คาดการณ์วันกำหนดคลอดได้ วันแรกที่เริ่ม นับอายุครรภ์ คือวันไหน การนับอายุครรภ์ เพื่อให้ทราบว่า ตั้งครรภ์มาแล้วกี่สัปดาห์หรือกี่เดือน อาจเข้าใจได้ว่า นับอายุครรภ์ตั้งแต่วันที่มีเพศสัมพันธ์หรือวันที่ปฏิสนธิ แต่จริง ๆ แล้ว แพทย์จะยึดเอาวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งล่าสุดมาคำนวณอายุครรภ์ การจดวันที่มีประจำเดือนทุก ๆ เดือนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แพทย์นำประจำเดือนครั้งสุดท้าย มาคำนวณอายุครรภ์ได้อย่างถูกต้อง  ทั้งนี้ หากสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ ให้ใช้อุปกรณ์ตรวจครรภ์หรือชุดตรวจครรภ์ตรวจการตั้งครรภ์ เมื่อทราบว่า กำลังตั้งครรภ์ควรรีบฝากครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์  วิธีคำนวณอายุครรภ์ นับเป็นเดือนหรือเป็นสัปดาห์ อายุครรภ์ปกติจะอยู่ประมาณ 280 วัน หรือ 40 สัปดาห์ โดยแพทย์จะนับอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ และแยกอายุครรภ์ตามไตรมาส ประกอบด้วย ตั้งครรภ์ไตรมาสแรก สัปดาห์ที่ 1-14 ตั้งครรภ์ไตรมาสสอง สัปดาห์ที่ […]

สำรวจ การดูแลก่อนคลอด

การดูแลก่อนคลอด

ยาบํารุงครรภ์ คืออะไร และมียาอะไรบ้างที่รับประทานได้

ยาบํารุงครรภ์ เป็นยาที่มีส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุที่คุณแม่ควรได้รับเพิ่มขึ้นในขณะตั้งครรภ์ โดยคุณแม่ควรรับประทานยาบำรุงครรภ์ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายและช่วยป้องกันภาวะความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่และทารกในครรภ์ เช่น ภาวะพิการแต่กำเนิด แท้งบุตร คลอดก่อนกำหนด อย่างไรก็ตาม ก่อนรับประทานยาบำรุงครรภ์ควรปรึกษาคุณหมอก่อนเสมอ เพื่อตรวจสุขภาพร่างกายและรับคำแนะนำในการรับประทานยาที่เหมาะสม [embed-health-tool-due-date] ยาบํารุงครรภ์ คืออะไร ยาบํารุงครรภ์ คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์ เพื่อช่วยบำรุงสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ และอาจช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนหรือความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ ยาบํารุงครรภ์มีอะไรบ้าง คุณแม่ควรเลือกยาบำรุงครรภ์ที่ประกอบไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ดังนี้ กรดโฟลิก (Folic Acid) หรือ โฟเลต (Folate) เป็นวิตามินที่มีความสำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากเป็นตัวที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทส่วนกลางของทารกในครรภ์ อาจช่วยป้องกันการเกิดความบกพร่องของท่อประสาทและไขสันหลังของทารกตั้งแต่เริ่มมีพัฒนาการ วิตามินดี ช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน เนื่องจากวิตามินดีอาจมีส่วนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่สำคัญต่อโครงสร้างและความแข็งแรงของกระดูกและฟัน วิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการปกป้องเนื้อเยื่อจากการอักเสบ ช่วยสร้างและส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย รวมถึงยังมีส่วนช่วยในการดูดซึมธาตุเหล็กอีกด้วย วิตามินบี เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 ช่วยในการเพิ่มและรักษาพลังงาน ช่วยในการย่อยอาหาร ควบคุมระบบประสาท บำรุงสุขภาพผิวและสายตา ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยลดอาการแพ้ท้อง รวมถึงอาจมีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ และอาจช่วยป้องกันความบกพร่องของท่อประสาทได้ […]


การดูแลก่อนคลอด

คนท้องกินชาเขียวได้ไหม ประโยชน์และข้อควรระวังในการบริโภค

ชาเขียว เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน ดังนั้น คนท้องหลายคนที่ชอบดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ อาจสงสัยว่า คนท้องกินชาเขียวได้ไหม กินแล้วจะส่งผลกระทบต่อทารกในท้องหรือไม่ ในความเป็นจริงแล้ว ชาเขียวมีปริมาณคาเฟอีนที่ต่ำ คนท้องสามารถดื่มได้แต่ควรอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และอาจมีประโยชน์ในการช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล ลดความดันโลหิต ช่วยป้องกันความบกพร่องของท่อประสาท และอาจช่วยป้องกันภาวะพิการแต่กำเนิดของทารกได้ [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] คนท้องกินชาเขียวได้ไหม ข้อมูล ณ ปัจจุบันพบว่าการดื่มคาเฟอีนในปริมาณที่น้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่พบว่าเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ เช่น ภาวะแท้ง หรือ ภาวะคลอดก่อนกำหนด โดยชาเขียว 100 กรัม มีคาเฟอีนประมาณ 25 มิลลิกรัม/ถ้วย ซึ่งคนท้องอาจสามารถดื่มชาเขียวได้ถึง 2-3 ถ้วย/วัน แต่ต้องระวังในการรวมไปถึงการได้รับคาเฟอีนจากการดื่มหรือรับประทานอาหารอื่นๆในระหว่างวันนั้นด้วย นอกจากนี้ ชาเขียวยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) โพลีฟีนอล (Polyphenol) และคาเทชิน (Catechin) โดย คาเทชิน ที่เรียกว่า อีพิกัลโลคาเทชิน กัลเลต (Epigallocatechin Gallate หรือ EGCG) ในชาเขียวยังอาจช่วยขัดขวางการก่อตัวของเนื้องอก สนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงยังอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพของหัวใจ ควบคุมการอักเสบ ลดคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด […]


การดูแลก่อนคลอด

คนท้องทาเล็บได้ไหม ควรดูแลเล็บอย่างไรให้เหมาะสม

หลายคนอาจมีความสงสัยว่า คนท้องทาเล็บได้ไหม เพราะยาทาเล็บมีสารเคมีหลายชนิดที่อาจเข้าสู่ร่างกายผ่านการสูดดมหรือซึมเข้าสู่ผิวหนัง ซึ่งยังไม่มีการยืนยันจากงานวิจัยและผู้เชี่ยวชาญว่า ยาทาเล็บเป็นอันตรายต่อการตั้งท้องหรือไม่ แต่เพื่อการป้องกันผลกระทบจากสารเคมี และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากอุปกรณ์ทำเล็บที่ไม่สะอาด จึงควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บในระหว่างตั้งท้อง [embed-health-tool-ovulation] คนท้องทาเล็บได้ไหม คนท้องที่ต้องการทาเล็บมือและเล็บเท้าในระหว่างตั้งท้อง อาจสงสัยว่า คนท้องทาเล็บได้ไหม โดยทั่วไปแล้ว คนท้องสามารถทาเล็บได้แต่อาจยังไม่มีผลการวิจัยหรือคำยืนยันความปลอดภัยจากผู้เชี่ยวชาญว่า สารเคมีในน้ำยาทาเล็บจะส่งผลเสียต่อการตั้งท้องหรือไม่ แต่เป็นไปได้ว่าการทาเล็บอาจมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำต่อทารกในท้อง ส่วนกลิ่นที่รุนแรงของน้ำยาทาเล็บอาจทำให้คนท้องมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเป็นอาการแพ้ท้องที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งท้อง สำหรับการทำเล็บเจลยังไม่มีผลการศึกษาที่ยืนยันว่า ยาทาเล็บเจลเป็นอันตรายต่อการตั้งท้อง แต่อะซิโตน (Acetone) ที่ใช้ในการลบสีเจล และเมทิลเมทาคริเลต (Methyl Methacrylate หรือ MMA) ที่ใช้ในการติดเล็บเจลอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บเจลในระหว่างตั้งท้อง นอกจากนี้ การทำเล็บในร้านทำเล็บที่อุปกรณ์การทำเล็บไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม อาจทำให้คนท้องเสี่ยงต่อการติดเชื้อราที่เล็บได้ง่าย หรืออาจมีอาการแพ้น้ำยาทาเล็บได้ ทางที่ดีคนท้องจึงควรหลีกเลี่ยงการทำเล็บเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งท้อง สารเคมีในยาทาเล็บที่อาจเป็นอันตรายต่อคนท้อง ในยาทาเล็บมีสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายต่อคนท้อง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงยาทาเล็บที่มีส่วนประกอบของสารเคมี ดังนี้ ไดบิวทิลฟทาเลต (Dibutyl Phthalate หรือ DBP) โทลูอีน (Toluene) ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) การบูร (Camphor) พาราฟิน (Paraffin) กรดเมทาคริลิค (Methacrylic Acid) อะซิโตน อะซิโตไนไตรล์ (Acetonitrile) สารเคมีเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของน้ำยาทาเล็บ ที่อาจเข้าสู่ร่างกายผ่านการซึมเข้าสู่ผิวหนังหรือการสูดดม […]


การดูแลก่อนคลอด

คนท้องกินยาแก้แพ้ได้ไหม เมื่อเกิดอาการแพ้ควรดูแลตัวเองอย่างไร

อาการภูมิแพ้เป็นปัญหาที่อาจรบกวนการนอนหลับและการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งคนท้องที่มีอาการภูมิแพ้อาจเกิดข้อสงสัยว่า คนท้องกินยาแก้แพ้ได้ไหม เพราะการกินยาบางชนิดในขณะตั้งท้องอาจเป็นอันตรายต่อทารกในท้อง รวมถึงยังอาจเสี่ยงทำให้ทารกมีภาวะพิการแต่กำเนิดและส่งผลเสียต่อพัฒนาการของทารกในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจนว่าคนท้องกินยาแก้แพ้ได้ไหม ดังนั้น หากคนท้องมีอาการภูมิแพ้ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา นอกจากนี้ ควรดูแลตัวเองเพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นในขณะตั้งท้องได้ [embed-health-tool-due-date] คนท้องกินยาแก้แพ้ได้ไหม คนท้องบางคนที่มีอาการภูมิแพ้กำเริบอาจมีคำถามว่า คนท้องกินยาแก้แพ้ได้ไหม ซึ่งมีการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน Journal of Pharmacology and Pharmacotherapeutics เมื่อเดือนเมษายน-มิถุนายน พ.ศ. 2555 ศึกษาเกี่ยวกับยาต้านฮีสตามีนที่ใช้ระหว่างตั้งท้อง พบว่า การใช้ยาแก้แพ้สูตรดั้งเดิมในการรักษาอาการแพ้ในคนท้อง อาจมีความปลอดภัยต่อการตั้งท้องและอาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะพิการแต่กำเนิดของทารกในท้องน้อยกว่าการใช้ยาแก้แพ้สูตรใหม่ อย่างไรก็ตาม คนท้องไม่ควรซื้อยาแก้แพ้กินเอง แต่ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรับยาแก้แพ้ที่เหมาะสม ประเภทของยาแก้แพ้ ยาแก้แพ้อาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ ยาแก้แพ้สูตรดั้งเดิม เช่น คลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine) ซินนาริซีน (Cinnarizine) ไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) ไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine) โปรเมทาซีน (Promethazine) เดกซ์คลอเฟนิรามีน (Dexchlorpheniramine) ไทรเพเลนนามีน (Tripelennamine) เป็นยาแก้แพ้ที่ออกฤทธิ์กดประสาทและทำให้ง่วงนอน แต่อาจมีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น ปากแห้ง ตาพร่ามัว ท้องผูก ยาแก้แพ้สูตรใหม่ เช่น อะคริวาสทีน […]


การดูแลก่อนคลอด

อาหารเสริมคนท้อง มีอะไรบ้าง และที่ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง

อาหารเสริมคนท้อง เป็นอาหารที่ควรรับประทานเสริมในขณะตั้งท้อง เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพของคุณแม่และทารกในท้อง ให้มีการเจริญเติบโตทางร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และช่วยป้องกันภาวะพิการแต่กำเนิดของทารกในท้อง รวมถึงยังอาจช่วยป้องกันปัญหาในระหว่างการตั้งท้อง เช่น การแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนด การไหลตายของทารกในท้อง [embed-health-tool-due-date] อาหารเสริมคนท้อง มีความสำคัญอย่างไร อาหารเสริมคนท้อง เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคนท้องที่อาจมีความสำคัญต่อร่างกายของคุณแม่และทารก เนื่องจากในระหว่างตั้งท้องร่างกายของคุณแม่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอในการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ใช้เป็นพลังงานและทดแทนสารอาหารบางชนิดที่สูญเสียไป เช่น แคลเซียม ที่ถูกดึงออกไปจากร่างกายของคุณแม่เพื่อนำไปพัฒนากระดูกของทารก นอกจากนี้ อาหารเสริมคนท้องยังอาจช่วยส่งเสริมพัฒนาการในส่วนต่าง ๆ ของทารก เช่น การเจริญเติบโตของร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกัน สร้างเม็ดเลือด พัฒนาการทางสมอง กระดูก และยังอาจช่วยป้องกันภาวะพิการแต่กำเนิดของทารก และปัญหาการตั้งท้อง เช่น การแท้งบุตร การคลอดก่อนกำหนด อาหารเสริมคนท้องควรมีอะไรบ้าง เพื่อให้ร่างกายของคุณแม่และทารกในท้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน จึงควรเลือกอาหารเสริมคนท้องที่ประกอบไปด้วยสารอาหาร ดังนี้ กรดโฟลิก (Folic Acid) เป็นสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมอง รวมถึงการพัฒนาของไขสันหลังของทารกในท้อง นอกจากนี้ ยังอาจช่วยป้องกันภาวะพิการแต่กำเนิดของทารกได้อีกด้วย วิตามินดี เป็นสารอาหารที่ควรรับประทานคู่กับแคลเซียม เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม นอกจากนี้ ยังอาจช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ธาตุเหล็ก มีความสำคัญต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและปริมาณน้ำเลือด รวมถึงยังอาจช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง น้ำหนักทารกแรกเกิดต่ำ และการคลอดก่อนกำหนด วิตามินซี ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน […]


การดูแลก่อนคลอด

วิตามิน คน ท้อง สำคัญอย่างไร และมีวิตามินอะไรบ้างที่ควรกิน

วิตามิน คน ท้อง เป็นสารอาหารที่คนท้องควรกินเสริมมากขึ้น เนื่องจากในขณะตั้งท้องร่างกายจำเป็นต้องได้รับวิตามินที่หลากหลายและสารอาหารที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยส่งเสริมสุขภาพของคุณแม่และส่งเสริมการเจริญเติบโตทางร่างกาย สมอง ระบบภูมิคุ้มกันของทารกในท้อง รวมถึงยังอาจช่วยป้องกันความพิการแต่กำเนิดได้ด้วย ทั้งนี้ ควรปรึกษาคุณหมอก่อนรับประทาน เพื่อให้สามารถเลือกวิตามินได้อย่างเหมาะสมและในปริมาณที่พอเหมาะ [embed-health-tool-due-date] วิตามิน คน ท้อง สำคัญอย่างไร วิตามินคนท้อง เป็นวิตามินเสริมที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งท้อง เนื่องจากในระหว่างตั้งท้องร่างกายจำเป็นต้องได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของทารกในท้อง ดังนั้น คนท้องจึงควรเสริมวิตามินหลากหลายชนิดเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย รวมถึงช่วยเสริมพัฒนาการทางร่างกาย สมอง ระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เลือด กระดูก และป้องกันความพิการแต่กำเนิดของทารกในท้องด้วย วิตามินคนท้อง มีอะไรบ้าง วิตามินคนท้องที่ควรกิน เพื่อเสริมสุขภาพของคุณแม่และทารกในท้อง อาจมีดังนี้ กรดโฟลิก (Folic Acid) เป็นวิตามินที่สำคัญอย่างมากต่อการตั้งท้อง เนื่องจากกรดโฟลิกมีส่วนช่วยในการป้องกันความพิการแต่กำเนิดของทารกในท้อง รวมถึงช่วยส่งเสริมพัฒนาการของระบบประสาท การทำงานของสมองและไขสันหลังของทารก โดยกรดโฟลิกอาจพบได้ในส้ม น้ำส้ม สตรอว์เบอร์รี่ ผักใบเขียว บร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก พืชตระกูลถั่ว ดังนั้น คนท้องจึงควรกินกรดโฟลิกเสริมเพิ่มขึ้นในรูปแบบอาหาร หรืออาหารเสริม ตั้งแต่ 3 เดือนก่อนตั้งท้องไปจนถึง 3 เดือนแรกของการตั้งท้อง อย่างน้อย 400 ไมโครกรัม/วัน […]


การดูแลก่อนคลอด

ยาบํารุงเลือดคนท้อง คืออะไร คนท้องควรกินหรือไม่

ยาบํารุงเลือดคนท้อง เป็นยาเสริมธาตุเหล็กที่คุณหมออาจแนะนำให้รับประทานในระหว่างตั้งท้อง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะโลหิตจางตั้งแต่ก่อนตั้งท้อง นอกจากนี้ การรับประทานยาบำรุงเลือดคนท้องยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในท้อง เพราะอาจช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือด ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน การเจริญเติบโตของทารก และอาจช่วยป้องกันไม่ให้ทารกพิการแต่กำเนิดได้ด้วย [embed-health-tool-due-date] ยาบํารุงเลือดคนท้อง คืออะไร ยาบํารุงเลือดคนท้อง คือ ยาเสริมธาตุเหล็กที่สำคัญต่อการสร้างฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่สำคัญต่อการตั้งท้อง สุขภาพของคุณแม่และทารกในท้อง โดยยาบำรุงเลือดคนท้องอาจช่วยส่งเสริมการทำงานของเซลล์ในร่างกาย ใช้ในกระบวนการสร้างอวัยวะของทารกในท้อง ป้องกันการพิการแต่กำเนิด ช่วยเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงและเพิ่มปริมาณเลือดในขณะตั้งท้อง ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะโลหิตจางขณะตั้งท้อง และลดความเสี่ยงในการเสียเลือดในขณะตั้งท้อง การขาดธาตุเหล็กในระหว่างตั้งท้องมีผลอย่างไร การขาดธาตุเหล็กในระหว่างตั้งท้องอาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง มีอาการเหนื่อยล้า หมดแรง และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งท้อง เช่น ระบบภูมิคุ้มกันของคุณแม่อ่อนแอลง เพิ่มโอกาสในการติดเชื้อระหว่างตั้งท้อง ทารกอาจมีความเสี่ยงที่จะมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยเกินไป อย่างไรก็ตาม หากคนท้องได้รับธาตุเหล็กมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ดังนั้น จึงควรรับประทานธาตุเหล็กในปริมาณที่พอเหมาะ คือ ประมาณ 15-30 มิลลิกรัม/วัน เพื่อป้องกันผลเสียต่อสุขภาพ ยาบํารุงเลือดคนท้อง ควรกินอย่างไร โดยปกติร่างกายควรได้รับธาตุเหล็กประมาณ 10-15 มิลลิกรัม/วัน โดยสามารถเสริมธาตุเหล็กให้กับร่างกายได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับ เลือดหมู เครื่องในสัตว์ ไข่แดง เนื้อสัตว์ แต่ในขณะตั้งท้องควรได้รับธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นเป็น 15-30 มิลลิกรัม/วัน […]


การดูแลก่อนคลอด

อาหารว่าง คนท้อง มีอะไรบ้าง และอาหารว่างแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง

คนท้องควรได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตลอดทั้งวัน เพื่อใช้เป็นพลังงานให้กับร่างกายของคุณแม่ และใช้สำหรับเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกายและสมองของทารกในครรภ์ ซึ่งนอกจากการรับประทานอาหารมื้อหลักแล้ว ควรรับประทาน อาหารว่าง คนท้อง เสริมในระหว่างวันด้วย เพื่อช่วยเสริมสร้างสารอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มพลังงาน ช่วยให้อิ่มท้อง รวมถึงยังอาจช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ด้วย [embed-health-tool-due-date] อาหารว่าง คนท้อง มีอะไรบ้าง อาหารว่างคนท้องเป็นอาหารที่อาจช่วยเสริมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ให้กับร่างกายของคุณแม่และทารกในครรภ์ คนท้องจึงควรเลือกรับประทานอาหารว่างที่มาจากธรรมชาติ มีการปรุงแต่งน้อยที่สุด รับประทานง่าย ช่วยลดอาการคลื่นไส้ และบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกที่เป็นอาการแพ้ท้อง นอกจากนี้ อาหารว่างคนท้องควรเป็นอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ เนื่องจากคนท้องจำเป็นต้องรักษาสุขภาพ ต้องได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอเพื่อใช้เป็นพลังงานให้กับคุณแม่และทารกในครรภ์ รวมถึงจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อป้องกันภาวะเบาหวานในขณะตั้งครรภ์ สำหรับตัวอย่างเมนูอาหารว่างคนท้องที่ควรรับประทาน อาจมีดังนี้ ผลไม้ เช่น ลูกแพร์ แอปเปิ้ล องุ่น แตงโม กล้วย สับปะรด เบอร์รี่ต่าง ๆ โดยอาจรับประทานคู่กับขนมปังกรอบ ชีส เนยถั่ว ผัก เช่น แตงกวา หัวไชเท้า แครอท ขึ้นฉ่าย หน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศ ถั่ว พริกหยวก บร็อคโคลี่ ผักโขม ผักปวยเล้ง อาจรับประทานคู่กับน้ำสลัด โยเกิร์ต ผลไม้สด […]


การดูแลก่อนคลอด

อาการตั้งครรภ์ และการดูแลตัวเอง

อาการตั้งครรภ์ อาจสังเกตได้จากประจำเดือนขาด อารมณ์แปรปรวน และปัสสาวะบ่อยครั้งโดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน ดังนั้น หากมีอาการตั้งครรภ์เกิดขึ้น หรือสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์ อาจซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์มาตรวจด้วยตนเอง หรือเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจ [embed-health-tool-due-date] อาการตั้งครรภ์ สังเกตได้อย่างไร อาการตั้งครรภ์ อาจสังเกตได้จากสัญญาณเตือน ดังต่อไปนี้ ประจำเดือนขาด เป็นสัญญาณเตือนแรกของการตั้งครรภ์ โดยอาจมีอาการประจำเดือนขาด บางคนอาจมีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อยที่เกิดจากการฝังตัวของมดลูก หรือที่เรียกว่าเลือดล้างหน้าเด็ก อย่างไรก็ตาม การที่ประจำเดือนขาดอาจไม่ได้หมายความว่าตั้งครรภ์เสมอไป เพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น น้ำหนักตัวที่เพิ่มหรือลดลงอย่างผิดปกติ ความเหนื่อยล้า ความเครียด การใช้ยาคุมกำเนิด การออกกำลังกายหนักเกินไป เต้านมคัด เต้านมขยาย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์อาจส่งผลให้รู้สึกคัดเต้า หน้าอกขยายใหญ่ หัวนมเปลี่ยนสี และรู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัส แพ้ท้อง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลโดยส่วนใหญ่อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ เป็นลม เหม็นอาหารบางอย่างแม้แต่อาหารที่ชื่นชอบ บางคนอาจรู้สึกอยากรับประทานอาหารแปลก ๆ อาการเหล่านี้อาจบรรเทาลงในช่วงสัปดาห์ที่ 13-14 ของการตั้งครรภ์ เหนื่อยล้า อาจเกิดจากการเพิ่มระดับของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่ทำให้ร่างกายผลิตเลือดเพิ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารก จึงส่งผลให้คุณแม่รู้สึกอ่อนเพลีย และอยากพักผ่อนตลอดทั้งวัน อารมณ์แปรปรวน เกิดจากร่างกายผลิตฮอร์โมนการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น จึงอาจส่งผลให้คุณแม่มีอารมณ์แปรปรวน อ่อนไหวได้ง่าย เช่น […]


การดูแลก่อนคลอด

การตรวจครรภ์ ในแต่ละไตรมาส มีอะไรบ้าง

การตรวจครรภ์ระหว่างตั้งครรภ์แต่ละไตรมาส เป็นการตรวจคัดกรองโรค และตรวจสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์เพื่อตรวจหาความเสี่ยงต่างๆ หรือความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น เพื่อจะได้ทำการรักษาได้ทัน โดยในแต่ละไตรมาสของการตั้งครรภ์อาจมีการตรวจสุขภาพที่แตกต่างกันออกไปตามอายุครรภ์ที่มากขึ้น [embed-health-tool-pregnancy-weight-gain] ประโยชน์ของการตรวจครรภ์ การตรวจครรภ์ระหว่างตั้งครรภ์ ช่วยให้ทราบสุขภาพโดยรวมของคุณแม่และทารกในครรภ์ รวมถึงตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ ที่อาจถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูก เช่น การตรวจหาพาหะโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย รวมไปถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น การติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบ โรคเบาหวาน โรคซิฟิลิส (Syphilis) เพื่อรับการรักษาได้ทัน ก่อนจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น คลอดก่อนกำหนด พิการตั้งแต่กำเนิด หรือการเจริญเติบโตและพัฒนาการล่าช้า การตรวจครรภ์ ในแต่ละไตรมาส การตรวจครรภ์ แบ่งเป็น 3 ไตรมาส ดังนี้ การตั้งครรภ์ไตรมาสแรก คุณหมออาจสอบถามประวัติครอบครัวเกี่ยวกับด้านสุขภาพ เช่น โรคทางพันธุกรรม โรคประจำตัว ก่อนจะเริ่มตรวจครรภ์ด้วยการตรวจเหล่านี้ การตรวจเลือด คุณหมออาจเก็บตัวอย่างเลือดด้วยการเจาะเลือด เพื่อระบุกลุ่มเลือด และหาความเสี่ยงของการเป็นพาหะโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย โรคติดเชื้อต่างๆ เช่น โรคหัดเยอรมัน โรคอีสุกอีใส ไวรัสตับอักเสบบี เอชไอวี ซิฟิลิส และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ การตรวจอุ้งเชิงกราน เป็นการตรวจคัดกรองปากมดลูก เพื่อหาความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด ตรวจปัสสาวะ คุณหมออาจเก็บตัวอย่างปัสสาวะเพื่อหาสัญญาณการติดเชื้อที่ไต โรคไตบางชนิด […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

คุณกำลังกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ใช่หรือไม่?

หยุดกังวลได้แล้ว มาเข้าชุมชนสนทนาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และว่าที่คุณแม่คนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม