backup og meta

Herpangina อาการ สาเหตุ และการรักษา

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 21/11/2022

    Herpangina อาการ สาเหตุ และการรักษา

    Herpangina เป็นโรคระบาดในเด็กที่อาจเกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ซึ่งอาจเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก โดยผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บคอ เป็นไข้ อาจมีแผลที่ช่องปากบริเวณเพดาน และในโพรงคอหอยด้านหลัง อาการที่เกิดขึ้นอาจไม่รุนแรง และอาจหายได้เอง

    Herpangina คืออะไร 

    Herpangina (โรคเฮอร์แปงไจน่า) คือ โรคระบาดในเด็กที่อาจเกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) อาจพบมากในเด็กอายุ 3-10 ปี รวมถึงเด็กที่ต้องไปโรงเรียน หรือต้องอยู่ที่สถานบันดูแลเด็กเล็ก หรือค่าย โรคนี้อาจเกิดขึ้นบริเวณเพดานปาก อาการที่เกิดขึ้นอาจไม่รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต แต่ก็อาจทำให้เกิดตุ่มเล็ก ๆ ในปาก เป็นแผลในฝาก มีอาการเจ็บคอ มีไข้สูง

    ในเด็กทารกที่อายุต่ำกว่า 1 ปี อาจสังเกตอาการของโรคเฮอร์แปงไจน่าได้ยาก เพราะในทารกบางคนอาจไม่ปรากฏอาการใด ๆ โรคเฮอร์แปงไจน่าที่เกิดในเด็กทารกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาร้ายแรงอื่น ๆ เช่น การบวมของสมอง การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง โดยส่วนใหญ่โรคเฮอร์แปงไจน่าอาจพบได้ในช่วงฤดูร้อน และฤดูฝน

    อาการของโรคเฮอร์แปงไจน่า

    อาการของโรคเฮอร์แปงไจน่าอาจแสดงให้เห็นภายใน 2-5 วัน หลังจากได้รับเชื้อ อาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และอาการอาจหายไปเองใน 7-10 วัน โดยอาการที่ปรากฏอาจมีดังนี้

    • มีไข้เฉียบพลัน
    • รู้สึกเจ็บคอ
    • รู้สึกเจ็บปวดขณะกลืนอาหาร
    • เบื่ออาหาร
    • ต่อมน้ำเหลืองบวม
    • น้ำลายไหล (ในเด็กทารก)
    • อาเจียน (ในเด็กทารก)

    สาเหตุของโรคเฮอร์แปงไจน่า

    สาเหตุของโรคเฮอร์แปงไจน่าอาจเกิดจากการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัสหลายชนิด (Enterovirus) ไวรัสที่อาจพบได้บ่อย อาจได้แก่

    • ไวรัสคอกซากี (Coxsackie)
    • ไวรัสเอนเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71)
    • ไวรัสเอคโค (Echovirus)

    โดยไวรัสอาจแพร่กระจ่ายจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งโดยการสัมผัสกับเสมหะ การไอ จาม หรือสัมผัสกับอุจจาระ ดังนั้น การล้างมืออย่างเหมาะสมอาจช่วยให้เด็กลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้

    วิธีการรักษาและการป้องกัน

    การรักษา

    โรคเฮอร์แปงไจน่าอาจหายได้เอง แต่หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 7-10 วัน คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็กไปพบคุณหมอ โดยคุณหมออาจใช้วิธีการรักษาโดยการให้ยาบรรเทาอาการปวด เช่น ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาอะเซตามีโนเฟน (Acetaminophen) ร่วมกับการรับประทานยาลิโดเคน (Lidocaine) เพื่อบรรเทาอาการปวดสำหรับช่องปากและลำคอ

    การป้องกัน

    สำหรับวิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เด็กเป็นโรคเฮอร์แปงไจน่า คุณพ่อคุณแม่อาจทำได้ดังนี้

    • ล้างมือให้สะอาดและถูกต้อง ควรล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
    • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด รับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น กล้วย นม ผัก ข้าว หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสชาติจัด เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
    • ดื่มน้ำมาก ๆ  โดยเฉพาะนมและน้ำเย็น รวมถึงไอศกรีม เพื่อเพิ่มปริมาณของเหลวในร่างกาย ทดแทนของเหลวที่สูญเสียไปจากการเป็นไข้และอาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ อาจหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวและเครื่องดื่มร้อนจัด
    • น้ำยาบ้วนปาก อาจช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก อีกทั้งยังอาจช่วยรักษาสุขภาพฟันและเหงือก

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 21/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา