backup og meta

พัฒนาการทางด้านจิตใจ ของเด็กช่วงอายุ 9-12 ปี

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงจิตรลดา ชินสุวรรณ · พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 21/03/2022

    พัฒนาการทางด้านจิตใจ ของเด็กช่วงอายุ 9-12 ปี

    พัฒนาการทางด้านจิตใจของเด็กช่วงอายุ 9-12 ปี มักมีความเชื่อมโยงกับพัฒนาการทางร่างกายที่เติบโตขึ้น บางคนอาจเริ่มให้ความสนใจด้านการเรียน เพศตรงข้าม หรือให้ความสำคัญกับเพื่อน จนทำให้อาจห่างเหินจากครอบครัว และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เช่น วิตกกังวล เครียด ซึมเศร้า ก้าวร้าว หงุดหงิดง่าย การเรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการทางด้านจิตใจของเด็กวัยนี้ รวมถึงสัญญาณเตือนถึงปัญหาทางด้านจิตใจ อาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือและดูแลลูกได้อย่างเหมาะสม

    พัฒนาการทางด้านจิตใจของเด็กช่วงอายุ 9-12 ปี

    พัฒนาการทางด้านจิตใจของเด็กช่วงอายุ 9-12 ปี อาจมีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ สุขภาพ และปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น สังคม เศรษฐกิจ การเรียน เพื่อน ครอบครัว

    พัฒนาการทางด้านจิตใจของเด็กช่วงอายุ 9-12 ปี อาจมีดังนี้

    • อยากรู้อยากลองสิ่งใหม่ ๆ มีความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจในสิ่งที่แปลกใหม่ และอาจตั้งคำถามบ่อยครั้ง
    • มีความคิดเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ชอบการค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อพัฒนาตัวเอง เช่น ทักษะการเล่นกีฬา การวาดรูป ทดลองวิทยาศาสตร์ แต่งบทประพันธ์
    • ต้องการอิสระในการตัดสินใจลงมือทำด้วยตัวเอง
    • มีความสนใจในเพศตรงข้าม และเริ่มเปลี่ยนบุคลิกภาพตัวเองให้เป็นที่น่าดึงดูด
    • อาจมีอารมณ์แปรปรวนง่าย อารมณ์ขึ้น ๆ ลงๆ จากมีความสุขหัวเราะ อาจเปลี่ยนเป็นเศร้าภายในไม่กี่นาที
    • เด็กอาจใช้เวลากับพ่อแม่น้อยลง และใช้เวลากับเพื่อนมากกว่า
    • อาจมีความสนใจและจินตนาการที่เกี่ยวกับความรัก และความสำเร็จ
    • หากเด็กได้เจอกับสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ เช่น ความรุนแรงในครอบครัว ความเครียด ก็อาจส่งผลให้หาทางออกในทางที่ผิด เช่น ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ลองใช้ยาเสพติด
    • อยากเป็นที่ยอมรับในสังคมและกลุ่มเพื่อน จึงพยายามทำตัวให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่ม ไม่ทำให้ตนเองรู้สึกแตกต่างหรือแปลกแยกจากคนในกลุ่ม ซึ่งหากเป็นกลุ่มสังคมที่ดี ก็อาจนำพาไปในทางที่ดี เช่น ติวหนังสือ วางแผนการเรียนในอนาคต เล่นกีฬา แต่หากเป็นกลุ่มสังคมที่ไม่ดี ก็อาจนำไปสู่การทำสิ่งที่ไม่ดีได้เช่น สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ติดเกมมากเกินไป

    ปัญหาด้านจิตใจของเด็กที่พบได้บ่อย

    ปัญหาด้านจิตใจของเด็กที่พบบ่อย มีดังนี้

    • ความเครียดและความวิตกกังวล เด็กอาจรู้สึกกังวลเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ใหม่ ๆ เช่น การเข้าโรงเรียนวันแรก การบ้านที่ยาก การเข้าสังคม หรือเหตุการณ์ที่สะเทือนจิตใจ เช่น ถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง พ่อแม่ทะเลาะกัน สูญเสียคนรัก อาจกระทบต่อจิตใจจนส่งผลให้เด็กมีความเครียด ควบคุมอารมณ์ยาก นอนไม่หลับ และฝันร้ายบ่อย รวมถึงอาจส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ออกนอกลู่นอกทางได้
    • ภาวะซึมเศร้า ปัญหาสุขภาพรวมถึงเหตุการณ์รุนแรง เช่น การถูกล่วงละเมิดทางเพศ การถูกกลั่นแกล้ง ปัญหาในครอบครัว อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเด็ก ส่งผลให้เด็กรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีคนอยู่เคียงข้าง ไร้ค่า เหนื่อยล้า เซื่องซึม และอาจนำไปสู่การมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง
    • โรคจิตเภท เป็นโรคทางจิตในเด็กที่รุนแรง อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองและความเครียด หรืออาจเกิดจากทารกที่แม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใช้ยาเสพติด หรือสูบบุหรี่ ขณะตั้งครรภ์ ทำให้ทารกได้รับสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองตั้งแต่อยู่ในครรภ์

    สัญญาณเตือนเมื่อเด็กมีปัญหาสุขภาพจิต

    คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตปัญหาสุขภาพจิตในเด็กได้จากสัญญาณเตือน ดังต่อไปนี้

    • ปวดศีรษะ
    • มีอาการซึมเศร้านานกว่า 2 สัปดาห์
    • พัฒนาการล่าช้า หรือถดถอย
    • หลีกเลี่ยงการพบเจอคนในครบครัวหรือเพื่อน
    • มีอารมณ์ก้าวร้าว หงุดหงิดรุนแรง
    • นอนไม่หลับ
    • ไม่มีสมาธิ
    • ขาดเรียนบ่อย การเรียนแย่ลง
    • รับประทานอาหารได้น้อยลง หรือบางคนอาจกินอาหารมากเกินไปผิดปกติ

    หากเด็กมีอาการทำร้ายตัวเองหรือคนรอบข้าง ชอบพูดถึงความตาย ใช้สารเสพติด หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรพาเข้าพบคุณหมอในทันที เพื่อรับการบำบัด

    การดูแลจิตใจเด็กช่วงวัย 9-12 ปี

    การดูแลจิตใจเด็กช่วงวัย 9-12 ปี อาจทำได้ดังนี้

    • เอาใจใส่เด็ก ใช้เวลากับเด็กให้มาก ๆ โดยอาจหากิจกรรมที่ชื่นชอบทำร่วมกัน เช่น เล่นกีฬา วาดรูป ดูหนัง ท่องเที่ยว
    • หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง เช่น การทำร้ายร่างกาย การต่อว่าด้วยคำหยาบคาย
    • ใช้เหตุผลพูดคุยและรับฟังเด็กให้มากขึ้น เพราะการพูดคุยอาจทำให้เด็กกล้าบอกถึงปัญหาที่กำลังเผชิญ เช่น ความเครียดจากการเรียน การถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง ความรัก
    • สอนให้เด็กรู้ว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ
    • ชมเชยและให้กำลังใจเมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่ดี หรือทำบางสิ่งบางอย่างสำเร็จ รวมถึงตักเตือนเมื่อทำไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม
    • สังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิดว่ามีสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพจิตหรือไม่

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงจิตรลดา ชินสุวรรณ

    พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 21/03/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา