backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

แซกซ่ากลิปติน (Saxagliptin)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 08/09/2020

แซกซ่ากลิปติน (Saxagliptin)

ยาแซกซ่ากลิปติน (Sxagliptin) ช่วยเพิ่มสารอินครีติน ใช้พื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับผุ้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2 ควรใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย

ข้อบ่งใช้

แซกซ่ากลิปติน ใช้สำหรับ

แซกซ่ากลิปติน (Saxagliptin) เป็นยารับประทานที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ช่วยเพิ่มระดับสารอินครีติน (Incretin) ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป ด้วยการเพิ่มการหลั่งสารอินซูลิน โดยเฉพาะหลังมื้ออาหารและลดปริมาณของน้ำตาลที่ตับผลิตออกมาอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ยาแซกซ่ากลิปติน ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคต่างๆ ดังนี้ ตาบอด โรคไต ความผิดปกติของระบบประสาท การสูญเสียแขนขา และปัญหาสุขภาพทางเพศ การควบคุมโรคเบาหวานยังสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดแบบเฉียบพลัน หรือโรคหลอดเลือดสมองได้

วิธีใช้แซกซ่ากลิปติน

ตามปกติทั่วไปรับประทานยแซกซ่ากลิปติน วันละ 1 ครั้ง พร้อมมื้ออาหาร หรือตามแพทย์ระบุ ขนาดยาขึ้นอยู่กับอาการ การตอบสนองต่อการรักษา และยาอื่นๆ ที่คุณรับประทานอยู่ ที่สำคัญอย่าลืมแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพร

การเก็บรักษา แซกซ่ากลิปติน

  • ยาแซกซ่ากลิปติน ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหายหรือเสื่อมสภาพ
  • ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาแซกซ่ากลิปตินบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
  • ไม่ควรทิ้งยาแซกซ่ากลิปตินลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น
  • หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องเพิ่มเติมได้จากเภสัชกร

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ แซกซ่ากลิปติน

ก่อนรับประทาน ยาแซกซ่ากลิปติน โปรดแจ้งกับแพทย์หรือเภสัชกรหากคุณแพ้ยา หรือคุณแพ้ต่อยาอื่น หรือเป็นภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีผสมไม่ออกฤทธิ์ในการรักษาบางอย่างที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ 

  • ผลข้างเคียง คุณอาจมีอาการตาพร่ามัว วิงเวียน หรือเซื่องซึม เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงมาก อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือ ทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง หรือต้องการการมองเห็นที่ชัดเจน จนกว่าคุณจะแน่ใจว่าคุณจะสามารถทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย
  • งดดื่มปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ขณะที่ใช้ยานี้ในการรักษาควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกอดโรคระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ และโรคตับอ่อน
  • ภาวะเครียด  เมื่อร่างกายมีความเครียด เช่น เกิดจากไข้ การติดเชื้อ การบาดเจ็บ การผ่าตัด โปรดปรึกษาแพทย์เพราะการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอาจจะยากขึ้น เแพทย์อาจปรับเปลี่ยนแผนการรักษา ยา หรือการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด
  • ก่อนการผ่าตัด โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ

ก่อนรับประทานยานี้ ควรแจ้งประวัติทางการแพทย์ให้แพทย์ หรือเภสัชกรทราบ โดยเฉพาะ

  • โรคไต
  • โรคเกี่ยวกับตับอ่อน เช่น โรคตับอ่อนอักเสบ
  • มีปัจจัยเสี่ยงสำหรับโรคตับอ่อนอักเสบ เช่น นิ่วในถุงน้ำดี ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำหรือมากเกินไป มีปริมาณของไขมันหรือไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
  • หัวใจล้มเหลว

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเพียงพอ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้นาฟาเรลิน ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาความเสี่ยงของการใช้ยา

นาฟาเรลิน จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท X จัดโดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ โดย FDA มีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ยาต้องห้าม
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ แซกซ่ากลิปติน

โดยปกติแล้ว ยาแซกซ่ากลิปติน จะไม่ก่อให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) แต่ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้ หากใช้ยาแซกซ่ากลิปตินร่วมกับยาโรคเบาหวานอื่น ๆ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับยารักษาโรคเบาหวานทั้งหมดของคุณ รวมถึงผลข้างเคียงอื่น ๆจากการใช้ยาแซกซ่ากลิปติน มีดังนี้

  • ปวดข้อต่อ 
  • แผลพุพองผิดปกติ
  • เหงื่อออกฉับพลัน
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • หิว เหน็บชา
  • ตาพร่ามัว
  • วิงเวียนศีรษะ  
  • มีสัญญาณของภาวะหัวใจล้มเหลว เช่น หายใจถี่ ข้อเท้าหรือเท้าบวม เหนื่อยล้าผิดปกติ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นผิดปกติ หรือเพิ่มขึ้นฉับพลัน

ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ก่อนเริ่มหรือหยุดใช้ยาตัวใด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงผลกระทบของยาต่อระดับน้ำตาลในเลือดก่อนเสมอ  ยาแซกซ่ากลิปตินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

  • ยากลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta-blocker) เช่น เมโทโพรลอล (metoprolol) โพรพราโนลอล (propranolol) น้ำยาหยอดตารักษาโรคต้อกระจก เช่น ทิโมลอล (timolol) อาจป้องกันอาการหัวใจเต้นเร็วหรือรัว ที่คุณมักจะรู้สึกเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากเกินไป (hypoglycemia) ได้ อาการอื่นๆของน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น วิงเวียนศีรษะ หิว หรือเหงื่อออก นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากยาเหล่านี้

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

  • ยาแซกซ่ากลิปติน อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
  • ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

    • ยาแซกซ่ากลิปติน อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

    ขนาดยา

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการใช้ยานี้

    ขนาด แซกซ่ากลิปติน สำหรับผู้ใหญ่

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2

    • รับประทานยาวันละ 1 ครั้ง (ขนาดยา2.5 หรือ 5 มก.) หากใช้ร่วมกับยากลุ่ม Strong CYP450 3A4/5 inhibitors : 2.5 มก. รับประทานวันละ 1 ครั้ง

    วิธีใช้ : โดยส่วนใหญ่ยาแซกซ่ากลิปตินนี้เป็นยาเสริมอาหารและออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2

    การปรับขนาดยาสำหรับโรคไต

    • ความผิดปกติของไตระดับเบา (CrCl มากกว่า 50 มล./ นาที) : ไม่ควรปรับขนาดยา
    • รับประทานวันละ 1 ครั้ง หากมีความผิดปกติของไตระดับปานกลางถึงรุนแรง (CrCl 50 มล. / นาทีหรือน้อยกว่า :2.5 มก.) 

    การปรับขนาดยาสำหรับโรคตับ

    • ไม่ควรปรับขนาดยา

    การปรับขนาดยาสำหรับตับอ่อน

    • การใช้ร่วมกับยาเพิ่มการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน (insulin secretagogue) หรือร่วมกับอินซูลีน : อาจต้องมีการลดขนาดยาเพิ่มการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนหรือยาอินซูลีน เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

    การทำไดอะลิซิส (Dialysis)

    การฟอกไต : 2.5 มก.ตามหลังการฟอกไต

    คำแนะนำอื่นๆ

    คำแนะนำการใช้

    • ไม่ควรหักหรือตัดเม็ดยา
    • ยานี้สามารถรับประทานร่วมกับอาหาร หรือรับประทานต่างหากได้
    • หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาครั้งต่อไปตามวิธีการใช้บนฉลากยา เว้นแต่ว่าจะได้รับคำสั่งให้ทำอย่างอื่น ไม่แนะนำให้ผู้ป่วยเพิ่มขนาดยาในวันถัดไป
    • ควรพิจารณาความเสี่ยงและประโยชน์ของการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว

    การเฝ้าสังเกต

    • ระบบโลหิตวิทยา (Hematologic) : ระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดและน้ำตาลสะสม (HbA1c)
    • โรคหัวใจและหลอดเลือด : สัญญาณและอาการของภาวะหัวใจล้มเหลว
    • เฝ้าสังเกตสัญญาณและอาการของโรคตับอ่อน

    คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย

    • ผู้ป่วยควรทราบว่าอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ภาวะหัวใจล้มเหลว และโรคภูมิแพ้อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ยานี้ คุณควรเข้าใจถึงความสำคัญของการรายงานสัญญาณ และอาการของอาการเหล่านี้ให้แพทย์ทราบ และควรทราบว่าเมื่อใดที่ควรไปพบคุณหมอ
    • ผู้ป่วยควรเข้าใจถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามคำแนะนำในการบริโภคอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรเข้าใจสัญญาณและอาการของน้ำตาลในเลือดสูงและต่ำ และวิธีการรักษาที่ถูกต้อง
    • บางสถานการณ์ เช่น มีไข้ บาดเจ็บ ติดเชื้อ ต้องเข้ารับการผ่าตัด คุณอาจต้องเปลี่ยนแปลงวิธีจัดการกับโรคเบาหวาน โปรดปรึกษาแพทย์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
    • หากมีอาการปวดข้อต่อรุนแรงและบ่อยครั้ง ควรเข้าพบคุณหมอทันที

    ขนาดยาแซกซ่ากลิปตินสำหรับเด็ก

    ยังไม่มีการจัดขนาดยาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ดังนั้น การใช้ยาแซกซ่ากลิปตินกับเด็กจึงอาจยังไม่ปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อทำความเข้าใจตัวยาก่อนการใช้งาน

    รูปแบบของยา

    • ยารับปนะทานชนิดเม็ด

    กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านทันที

    กรณีลืมใช้ยา

    หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 08/09/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา