ยา แลนโซพราโซล (Lansoprazole) ใช้เพื่อรักษาปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและหลอดอาหารบางประเภท
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
ยา แลนโซพราโซล (Lansoprazole) ใช้เพื่อรักษาปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและหลอดอาหารบางประเภท
แลนโซพราโซล (Lansoprazole) ใช้เพื่อรักษาปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและหลอดอาหารบางประเภท เช่นโรคกรดไหลย้อน (acid reflux) หรือมีแผลเปื่อย ยานี้ทำงานโดยการลดปริมาณของกรดที่กระเพาะอาหารผลิตขึ้น ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก กลืนลำบาก และอาการไอเป็นประจำ ยานี้จะช่วยฟื้นฟูความเสียหายจากกรดในกระเพาะอาหารและหลอดลม ช่วยป้องกันการเกิดแผล และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งหลอดอาหารได้ด้วย ยาแลนโซพราโซลจัดอยู่ในกลุ่มของยาโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ (Proton Pump Inhibitors)
รับประทานยานี้ตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือวันละครั้งก่อนอาหาร ขนาดยาและระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา
ใช้มือแห้งจับยานี้ วางยาบนลิ้นแล้วปล่อยให้ละลายโดยใช้เวลาน้อยกว่า 1 นาที กลืนยานี้พร้อมน้ำหรือกลืนยาอย่างเดียวก็ได้ อย่าบด เคี้ยว หรือหักเม็ดยา
หากคุณมีปัญหาในการกลืนยา อาจละลายลายยาในน้ำแล้วดื่มผ่านทางกระบอกฉีดยา วางเม็ดยาไว้ในกระบอกฉีดยาแล้วดูดน้ำขึ้นมาตามขนาดยาที่ถูกต้อง (4 มล. สำหรับยาขนาด 15 มก. หรือ 10 มล. สำหรับยาขนาด 30 มก.) เขย่ากระบอกยาเบาๆ จนยาแตกออกแล้วดื่มน้ำนั้นภายใน 15 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับยาครบ ควรเติมน้ำ (2 มล. สำหรับยาขนาด 15 มก. หรือ 5 มล. สำหรับยาขนาด 30 มก.) เข้าไปในกระบอกยา เขย่าและดื่มน้ำนั้นเข้าไปอีก อย่าเตรียมส่วนผสมไว้ล่วงหน้าเพราะจะเป็นการทำลายตัวยา
หากคุณรับยานี้ผ่านทางสายยางเข้าสู่กระเพาะอาหาร โปรดสอบถามแพทย์สำหรับวิธีการผสมยาและให้ยาอย่างถูกต้อง
หากจำเป็น คุณอาจรับประทานยาลดกรดคู่กับยานี้ หากคุณต้องใช้ยาซูคราลเฟต (Sucralfate) ร่วมด้วย ควรใช้ยาแลนโซพราโซลอย่างน้อย 30 นาทีก่อนใช้ยาซูคราลเฟต
ใช้ยาเป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เพื่อให้จำง่ายขึ้น ควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน และใช้ยาจนครบกำหนดการรักษาแม้ว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง ความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงนั้นจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โปรดสอบถามแพทย์ถึงระยะเวลาที่คุณควรใช้ยานี้
ควรเก็บรักษายาแลนโซพราโซลที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาแลนโซพราโซลบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาแลนโซพราโซลลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ก่อนใช้ยาแลนโซพราโซล แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือยาที่คล้ายกัน เช่น ยาเดกซ์แลนโซพราโซล (dexlansoprazole) ยาโอเมพราโซล (omeprazole) หรือยาแพนโทพราโซล (pantoprazole) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคตับ โรคลูปัส (lupus)
อาการบางอย่างอาจจะเป็นสัญญาณของสภาวะที่รุนแรงกว่าได้ ควรเข้ารับการรักษาในทันทีหากคุณมีอาการแสบร้อนกลางอกพร้อมกับอาการหน้ามืด เหงื่อออก หรือวิงเวียน อาการปวดหน้าอก กราม แขน หรือไหล่ (โดยเฉพาะหากมีอาการหายใจติดขัดหรือเหงื่อออกผิดปกติร่วมด้วย) น้ำหนักลดผิดปกติ
ยานี้อาจมีส่วนผสมของน้ำตาลเทียม (aspartame) หากคุณเป็นโรคฟีนิลคีโตนูเรีย (phenylketonuria) หรือสภาวะอื่นๆ ที่จะต้องจำกัดการบริโภคน้ำตาลเทียมหรือสารฟีนิลอะลานีน (phenylalanine) อย่างเข้มงวด โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้ยานี้อย่างปลอดภัย
ยาโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ เช่น ยาแลนโซพราโซล อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะกระดูกหักได้ โดยเฉพาะหากใช้เป็นเวลานาน และหากใช้ในผู้สูงอายุ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีการป้องกันการสูญเสียกระดูกหรือกระดูกหัก เช่น บริโภคแคลเซียม อย่างแคลเซียมซิเตรท (calcium citrate) และอาหารเสริมวิตามินดี
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ
ในช่วงขณะการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาความเสี่ยงและประโยชน์กับแพทย์
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ แต่ยาที่คล้ายกันนั้นสามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงผลที่เกิดต่อทารก โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาคีโตโปรเฟนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการท้องร่วง ปวดท้อง หรือปวดศีรษะ หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงร้ายแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้
ในนานๆ ครั้งยานี้อาจทำให้เกิดสภาวะลำไส้ที่รุนแรง เช่น อาการท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับคลอสทริเดียม ดิฟิซายล์ (Clostridium difficile-associated diarrhea) เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียดื้อยาบางอย่าง สภาวะนี้สามารถเกิดได้ระหว่างการรักษาหรือเป็นสัปดาห์จนถึงเดือนหลังจากหยุดการรักษา หากเกิดอาการดังกล่าว อย่าใช้ยาแก้ท้องเสียหรือยาแก้ปวดแบบเสพติด (narcotic pain medications) เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ท้องร่วงบ่อยครั้ง ปวดท้อง มีเลือดหรือเสมหะในอุจจาระ
ในนานๆ ครั้งยาโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ อย่าง ยาแลนโซพราโซลอาจทำให้เกิดภาวะขาดวิตามินบี 12 ความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นหากคุณใช้ยานี้ทุกวันเป็นเวลานาน (3 ปีขึ้นไป) โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีอาการขาดวิตามินบี 12 เช่น เหนื่อยล้าผิดปกติ มีแผลที่ลิ้น หรือมีอาการเหน็บชาที่มือหรือเท้า
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาแลนโซพราโซลอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่
ยาบางชนิดอาจจต้องใช้กรดในกระเพาะอาหารเพื่อช่วยในการดูดซึมเข้าส่ร่างกายอย่างถูกต้อง ยาแลนโซพราโซลจะลดปริมาณของกรดในกระเพาะอาหารและอาจจะเปลี่ยนการทำงานของยาเหล่านี้ได้ ยาที่อาจจะได้รับผลกระทบ ได้แก่
ยาแลนโซพราโซลนั้นคล้ายกับยาเดกซ์แลนโซพราโซลอย่างมาก อย่าใช้ยาที่มียาเดกซ์แลนโซพราโซลขณะที่กำลังใช้ยาแลนโซพราโซล
ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อผลการตรวจในห้องแล็บบางชนิดและอาจทำให้ผลตรวจเป็นเท็จได้ โปรดแจ้งบุคลากรในห้องแล็บและแพทย์ของคุณทุกคนให้ทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้
ยาแลนโซพราโซลอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาแลนโซพราโซลอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะหลอดอาหารอักเสบมีแผล (Erosive Esophagitis)
การรักษา
คำแนะนำ
การใช้งาน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenal Ulcer)
การรักษา
คำแนะนำ
การวิจัยแบบควบคุมนั้นนานไม่เกิน 12 เดือน
การใช้งาน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันภาวะแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น
การรักษา
คำแนะนำ
การวิจัยแบบควบคุมนั้นนานไม่เกิน 12 เดือน
การใช้งาน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อการรักษาระดับการรักษาภาวะแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น
การรักษา
คำแนะนำ
การวิจัยแบบควบคุมนั้นนานไม่เกิน 12 เดือน
การใช้งาน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกรดไหลย้อน
การรักษา
การใช้งาน
เพื่อเป็นการรักษาระยะสั้นสำหรับอาการแสบร้อนกลางอกและอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคกรดไหลย้อน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
การรักษา
การใช้งาน
เพื่อเป็นการรักษาระยะสั้นสำหรับการฟื้นฟูและบรรเทาอาการของภาวะแผลในกระเพาะอาหารที่มีอาการ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาเนื้องอกต่อมไร้ท่อหลายต่อม (Multiple Endocrine Adenomas)
การรักษา
คำแนะนำ
การใช้งาน
เพื่อการรักษาในระยะยาวสำหรับสภาวะการหลั่งน้ำย่อยมากเกินไปทางพยาธิวิทยา (pathological hypersecretory conditions) รวมถึงกลุ่มอาการโซลลิงเจอร์–เอลลิสัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อภาวะซิสเทมิค แมสโทไซโทซิส (Systemic Mastocytosis)
การรักษา
คำแนะนำ
การใช้งาน
เพื่อการรักษาในระยะยาวสำหรับสภาวะการหลั่งน้ำย่อยมากเกินไปทางพยาธิวิทยา รวมถึงกลุ่มอาการโซลลิงเจอร์–เอลลิสัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษากลุ่มอาการโซลลิงเจอร์–เอลลิสัน (Zollinger-Ellison Syndrome)
การรักษา
คำแนะนำ
การใช้งาน
เพื่อการรักษาในระยะยาวสำหรับสภาวะการหลั่งน้ำย่อยมากเกินไปทางพยาธิวิทยา รวมถึงกลุ่มอาการโซลลิงเจอร์–เอลลิสัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori)
การรักษา
คำแนะนำ
การใช้งาน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID-Induced Gastric Ulcer)
การรักษา
คำแนะนำ
ยังไม่มีวิจัยนานไม่เกิน 8 สัปดาห์
การใช้งาน
เพื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ในผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ต่อ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์
การรักษา
คำแนะนำ
ยังไม่มีวิจัยนานไม่เกิน 12 สัปดาห์
การใช้งาน
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลในกระเพาะอาหารเนื่องจากยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ในผู้ป่วยที่เคยมีแผลในกระเพาะอาหารที่ที่ต้องใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ต่อ
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ตับบกพร่องระดับเบาหรือปานกลาง ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ
ตับบกพร่องระดับรุนแรง อาจต้องปรับขนาดยา แต่ยังไม่มีแนวทางเฉพาะที่แนะนำ ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง
การปรับขนาดยา
ขนาดยาที่มากกว่า 120 มก. ควรแบ่งให้ยาสองครั้งในขนาดที่เท่ากัน
ผู้ป่วยที่ใช้ยาเมโธเทรกเซทในขนาดสูง ควรพิจารณาระงับการรักษาชั่วคราว
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา
การเก็บรักษา
เทคนิคการคืนรูปยาหรือการเตรียมยา
ทั่วไป
การเฝ้าระวัง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาภาวะหลอดอาหารอักเสบมีแผล
อายุ 1-11 ปี
อายุ 12-17 ปี
อายุ 17 ปีขึ้นไป
คำแนะนำ
เคยมีการเพิ่มขนาดยา (จนถึง 30 มก. วันละ 2 ครั้ง) สำหรับผู้ป่วยบางรายที่ยังคงมีอาการอยู่หลังจากรักษาไปแล้วอย่างน้อย 2 สัปดาห์
การใช้งาน
เพื่อเป็นการรักษาระยะสั้นสำหรับการฟื้นฟูและบรรเทาอาการของภาวะหลอดอาหารอักเสบมีแผลทุกระดับ
ข้อควรระวัง
ยังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพสำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี
ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย