backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ไรวาสติกมีน (Rivastigmine)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ไรวาสติกมีน (Rivastigmine)

ข้อบ่งใช้

ยา ไรวาสติกมีน ใช้สำหรับ

ยาไรวาสติกมีน (Rivastigmine) ใช้เพื่อรักษาอาการสับสนหรือภาวะสมองเสื่อม (Dementia) ที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) และโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease) ยาไรวาสติกมีนไม่สามารถรักษาโรคทั้งสองได้ แต่อาจจะช่วยเพิ่มความจำ การตระหนักรู้ และความสามารถในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ยานี้ทำงานโดยการฟื้นฟูความสมดุลของสารสื่อประสาท (neurotransmitters) ภายในสมอง

วิธีการใช้ยาไรวาสติกมีน

รับประทานยานี้พร้อมกับอาหารตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและเย็น ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง (เช่น คลื่นไส้และท้องร่วง) แพทย์จะให้คุณเริ่มใช้ยาในขนาดต่ำแล้วค่อยๆ เพิ่มขนาดยาขึ้นมา นานกว่า 2-4 สัปดาห์ ขนาดยาสูงสุดที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่คือ 6 มก. วันละ 2 ครั้ง

ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน อย่าหยุดใช้ยานี้หากแพทย์ไม่ได้สั่ง อย่าใช้ยาบ่อยกว่าที่กำหนด

หากคุณไม่ได้ใช้ยาไรวาสติกมีนนานกว่า 3 วัน โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยาอีกครั้ง คุณอาจจะต้องกลับมาเริ่มใช้ยาในขนาดที่ต่ำกว่าเดิม

โปรดแจ้งให้แพทย์หากอาการของคุณแย่ลง

การเก็บรักษายาไรวาสติกมีน

ยาไรวาสติกมีนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไรวาสติกมีนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งยาไรวาสติกมีนลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูก สอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ไรวาสติกมีน

ก่อนใช้ยาไรวาสติกมีน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ (รวมถึงอาการผื่นขณะที่ใช้แผ่นแปะยาไรวาสติกมีน) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับการหายใจหรือปอด เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือลำไส้ (เช่น มีแผลหรือมีเลือดออก) โรคหัวใจ เช่น กลุ่มอาการซิกไซนัส (sick sinus syndrome) หรือความผิดปกติของการนำคลื่นไฟฟ้าอื่นๆ หมดสติ ชัก ปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ (เช่น เนื่องจากต่อมลูกหมากโต)

ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือง่วงซึม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกัญชานั้นอาจทำให้อาการวิงเวียนหรือง่วงซึมรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชา

ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)

ในช่วงขณะการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาความเสี่ยงและประโยชน์กับแพทย์

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา

ยาไรวาสติกมีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยา ไรวาสติกมีน

อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องร่วง อ่อนแรง วิงเวียน ง่วงซึม และสั่นเทาในช่วงที่ร่างกายกำลังปรับตัวเข้ากับยาหรือเพิ่มขนาดยา แล้วอาการจะลดลงไป หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที

โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ

โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้ หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ หมดสติ อุจจาระสีดำ อาเจียนคล้ายกากกาแฟ ปวดท้องอย่างรุนแรง ชัก ปัสสาวะติดขัด

การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาแอสไพรินหรือยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือนาพรอกเซน (naproxen) ยาเมโทโคลพราไมด์ (metoclopramide)

ควรอ่านฉลากยาทั้งยาตามใบสั่งแพทย์และยาที่หาซื้อเองทั้งหมดอย่างละเอียดเนื่องจากยาเหล่านี้อาจจะมีส่วนผสมของยาบรรเทาอาการปวดหรือลดไข้ อย่าง ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน หรือยานาพรอกเซน ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับยาไรวาสติกมีนแล้วอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกได้ แต่ควรใช้ยาแอสไพรินขนาดต่ำที่แพทย์สั่งให้ใช้สำหรับเหตุผลทางการแพทย์ เช่น ใช้เพื่อป้องกันโรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองต่อไป (ขนาดยาโดยปกติคือ 81-325 มก. ต่อวัน) โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ยาไรวาสติกมีนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาไรวาสติกมีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาไรวาสติกมีนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาไรวาสติกมีนสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคอัลไซเมอร์

โรคอัลไซเมอร์ระดับเบาถึงปานกลาง

ยาแบบรับประทาน

-ขนาดยาเริ่มต้น 1.5 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้ง

-ขนาดยาปกติ หลังจากใช้ยาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หากสามารถทนขนาดยาเริ่มต้นได้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 3 มก. วันละ 2 ครั้ง หลังจากนั้นการเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 4.5 มก. และ 6 มก. วันละ 2 ครั้ง ควรทำต่อเมื่อได้ใช้ยาในขนาดยาก่อนหน้านี้นานอย่างน้อย 2 สัปดาห์แล้วเท่านั้น

ยาแบบซึมเข้าผิวหนัง

-ขนาดยาเริ่มต้น 4.6 มก./24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้งเท่านั้น

-ขนาดยาปกติ หลังจากใช้ยาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หากสามารถทนขนาดยาเริ่มต้นได้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 9.5 มก./ 24 ชั่วโมง ใช้นานเท่าที่ยังได้รับประโยชน์จากยาในขนาดนี้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง

-ขนาดยาสูงสุด 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้ง การใช้ยาในขนาดที่สูงกว่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์เพิ่มเติมและอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง

โรคอัลไซเมอร์ระดับรุนแรง

ยาแบบซึมเข้าผิวหนัง

-ขนาดยาที่แนะนำ 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้ง เปลี่ยนแผ่นยาใหม่ทุกๆ 24 ชั่วโมง

การใช้งาน เพื่อรักษาภาวาสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ประเภท AD ระดับเบา ปานกลาง หรือรุนแรง

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคพาร์กินสัน

ภาวะสมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสันระดับเบาถึงปานกลาง

ยาแบบรับประทาน

ขนาดยาเริ่มต้น 1.5 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้งพร้อมกับมื้อเช้าและมื้อเย็น

ขนาดยาปกติ หลังจากนั้นสามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 3 มก. วันละ 2 ครั้ง และเพิ่มขนาดยาอีกไปจนถึง 4.5 มก. วันละ 2 ครั้ง และ 6 มก. วันละ 2 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับความทนต่อยา) อย่างน้อย 4 สัปดาห์ระหว่างการเพิ่มขนาดยาแต่ละครั้ง

ยาแบบซึมเข้าผิวหนัง

-ขนาดยาเริ่มต้น 4.6 มก./24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้งเท่านั้น

-ขนาดยาปกติ หลังจากใช้ยาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หากสามารถทนขนาดยาเริ่มต้นได้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 9.5 มก./ 24 ชั่วโมง ใช้นานเท่าที่ยังได้รับประโยชน์จากยาในขนาดนี้ สามารถเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง

-ขนาดยาสูงสุด 13.3 มก./ 24 ชั่วโมง แปะแผ่นยาบนผิวหนังวันละครั้ง การใช้ยาในขนาดที่สูงกว่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์เพิ่มเติมและอาจเพิ่มโอกาสในการเกิดผลข้างเคียง

การใช้งาน เพื่อรักษาภาวะสมองเสื่อมที่เกี่ยวข้องกับโรคพาร์กินสันระดับเบาถึงปานกลาง

การปรับขนาดยาสำหรับไต

ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ เนื่องจากการปรับขนาดยาโดยขึ้นอยู่กับความทนต่อยาของแต่ละคน

ไตบกพร่องระดับปานกลางถึงรุนแรง (อัตราการกรองของไตน้อยกว่า 50 มล./นาที) ผู้ป่วยอาจสามารถทนต่อขนาดยาที่ต่ำกว่าได้เท่านั้น

การปรับขนาดยาสำหรับตับ

-ตับบกพร่องระดับเบา (ค่าไชด์พิว [Child-Pugh] 5 ถึง 6) และปานกลาง (ค่าไชด์พิว 7 ถึง 9) อาจลดขนาดยาลงมา

-ตับบกพร่องระดับรุนแรง ไม่มีข้อมูล

การปรับขนาดยา

การหยุดชะงัดการรักษาด้วยแผ่นแปะยาซึมเข้าสู่ผิวหนัง

-หากหยุดใช้ยาเป็นเวลาไม่เกิน 3 วัน สามารถกลับมาใช้ยาอีกครั้งในขนาดเดิมหรือขนาดต่ำกว่า

-หากหยุดใช้ยานานกว่า 3 วัน ควรกลับมาเริ่มใช้ยาใหม่ที่ขนาด 4.6 มก./24 ชั่วโมงแล้วค่อยปรับขนาดยา

การปรับขนาดยาในผู้ป่วยน้ำหนักตัวน้อย

-ควรปรับขนาดยาและเฝ้าระวังการเกิดความเป็นพิษ (เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรง) ในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวน้อย (น้อยกว่า 50 กก.) และพิจารณาลดขนาดยาหากเกิดความเป็นพิษขึ้น

หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร) เนื่องจากการแพ้ยาระหว่างการรักษา ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยาเป็นจำนวนหลายครั้งแล้วกลับมาใช้ยาอีกครั้งในขนาดเดิมหรือขนาดที่ต่ำลงหนึ่งระดับ

การเปลี่ยนจากยาแคปซูลหรือยาสารละลายสำหรับรับประทานมาเป็นแผ่นแปะยา

-ผู้ป่วยที่ใช้ยาแบบรับประทานในขนาดทั้งหมดต่อวันที่น้อยกว่า 6 มก. สามารถเปลี่ยนมาเป็นแผ่นแปะยาที่ขนาด 4.6 มก./24 ชั่วโมง

-ผู้ป่วยที่ใช้ยาแบบรับประทานในขนาดทั้งหมดต่อวันที่ 6-12 มก. สามารถเปลี่ยนมาเป็นแผ่นแปะยาที่ขนาด 9.5 มก./24 ชั่วโมงได้โดยตรง

-ควรใช้แผ่นแปะยาครั้งแรกในวันถัดจากวันที่ใช้ยาแบบรับประทานวันสุดท้าย

คำแนะนำอื่นๆ

คำแนะนำการใช้ยา

ยาแบบรับประทาน

-แบ่งรับประทานพร้อมกับอาหารในตอนเช้าและตอนเย็น

-สามารถดื่มยาสารละลายได้จากกระบอกยาโดยตรงหรือผสมยากับน้ำเปล่า น้ำผลไม้เย็นๆ หรือโซดา

แผ่นแปะยา

-อย่าใช้แผ่นแปะยาหากถุงยาเสียหายหรือแผ่นแปะยาขาด เสียหาย หรือมีความเปลี่ยนแปลง

-แปะแผ่นแปะยาวันละครั้ง

-กดให้แน่นนาน 30 วินาทีจนริมขอบของแผ่นแปะยาติดแนบสนิท

-แปะยาที่บริเวณหลังส่วนบนหรือส่วนล่าง

-อย่าแปะยาในบริเวณที่เพิ่งทาครีม โลชั่น หรือแป้ง

-อย่าแปะยาลงบริเวณผิวหนังที่มีรอยแดง อาการระคายเคือง หรือแผลบาด

-แปะยาครั้งละแผ่นเท่านั้น

-เปลี่ยนบริเวณที่แปะแผ่นยาทุกวัน อย่าแปะซ้ำในบริเวณเดิมเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน

-สามารถแปะแผ่นยาไว้ในขณะอาบน้ำได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแหล่งความร้อนภายนอกเป็นเวลานาน

การเก็บรักษา

-แยกเก็บแผ่นแปะยาไว้ในถุงยาที่ปิดสนิทจนกว่าจะพร้อมใช้ยา

-เก็บยาสารละลายสำหรับรับประทานไว้ในขวดตั้งตรงและอย่าแช่แข็ง

-ยาสารละลายสำหรับรับประทานจะคงตัวอยู่ได้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานานถึง 4 ชั่วโมงหลังจากผสมกับน้ำผลไม้หรือโซดาเย็นๆ

ทั่วไป

-ยารูปแบบรับประทานนั้นไม่ได้มีข้อบ่งใช้สำหรับภาวะสมองเสื่อมจากโรคอัลไซเมอร์ระดับรุนแรง

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย

-แผ่นแปะยาที่ใช้แล้วควรม้วนพับไว้ ให้ด้านกาวติดเข้าหากันแล้วกำจัดอย่างปลอดภัย

-หลังจากจับแผ่นแปะยาซึมเข้าผิวหนังแล้วอย่าสัมผัสกับดวงตาและควรล้างมือ

ขนาดยาไรวาสติกมีนสำหรับเด็ก

ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร

รูปแบบของยา

ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาแคปซูลสำหรับรับประทาน
  • ยาสารละลายสำหรับรับประทาน
  • แผ่นแปะยาซึมเข้าสู่ผิวหนังแบบออกฤทธิ์นาน

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา