ไรแฟมพิน (Rifampin) ใช้เพื่อรักษาโรควัณโรคทุกประเภท และใช้รักษาผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่มีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ไรแฟมพิน (Rifampin) ใช้เพื่อรักษาโรควัณโรคทุกประเภท และใช้รักษาผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่มีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ไรแฟมพิน (Rifampin) ใช้เพื่อรักษาวัณโรค (tuberculosis) ทุกประเภท ยาไรแฟมพินยังใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยที่ไม่ได้เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) แต่มีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ภายในจมูกและลำคอ และอาจจะแพร่เชื้อแบคทีเรียสู่ผู้อื่นได้ ยาไรแฟมพินนั้นไม่สามารถรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ ยานี้ยังอาจใช้สำหรับสภาวะอื่นๆ ตามที่แพทย์กำหนด
ยาไรแฟมพินนั้นเป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มไรฟามัยซิน (rifamycin antibiotic) ทำงานโดยการฆ่าเชื้อหรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อยา
ใช้ยาไรแฟมพินตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด ควรตรวจสอบฉลากยา เพื่อหาแนวทางการใช้ยาที่ถูกต้อง
ยาไรแฟมพินมักจะให้โดยการฉีดยา ที่ห้องทำงานของแพทย์ โรงพยาบาล หรือคลินิก หากคุณใช้ยาไรแฟมพินเองที่บ้าน ผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพจะสอนวิธีการใช้ยาให้กับคุณ ควรทำความเข้าใจวิธีการใช้ยาไรแฟมพิน ทำตามขั้นตอนทั้งหมดที่เรียนรู้มาเมื่อใช้ยา โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพหากคุณมีข้อสงสัยใดๆ
ยาไรแฟมพินนั้นควรจะฉีดเข้าหลอดเลือดดำเท่านั้น ห้ามฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อหรือใต้ผิวหนัง
อย่าใช้ยาไรแฟมพินหากยามีฝุ่นละออง ขุ่น หรือเปลี่ยนสี หรือหากขวดยามีรอยแตกหรือเสียหาย
เพื่อกำจัดอาการติดเชื้อของคุณอย่างสมบูรณ์ ควรใช้ยาไรแฟมพินจนครบชุดของการรักษา ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน
ยาไรแฟมพิน จะทำงานได้ดีที่สุด เมื่อใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
เก็บยานี้พร้อมทั้งกระบอกฉีดยาและเข็มฉีดยาไว้ให้ห่างจากมือของเด็กและสัตว์เลี้ยง อย่าใช้เข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ซ้ำ โปรดสอบถามผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพถึงวิธีการกำจัดอุปกรณ์เหล่านี้ให้ถูกต้อง ควรทำตามกฏในการกำจัดขยะประจำท้องถิ่น
อย่าหยุดใช้ยาไรแฟมพินโดยไม่ปรึกษากับแพทย์ และอย่าข้ามมื้อยาใดๆ ในนานๆ ครั้ง อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับไตในผู้ป่วยที่เริ่มต้นใช้ยาไรแฟมพินอีกครั้ง หลังจากที่การรักษาถูกขัดจังหวะไป
ยาไรแฟมพินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไรแฟมพินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาไรแฟมพินลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบหาก
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาไรแฟมพินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
ยาทุกชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง แต่คนจำนวนมากนั้นอาจจะไม่มีผลข้างเคียงหรือมีผลข้างเคียงระดับเบา โปรดติดต่อแพทย์ หากผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปเหล่านี้ ไม่หายไปหรือรบกวนคุณ
รับการรักษาในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาไรแฟมพิน อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่
ยาไรแฟมพินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาไรแฟมพินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาวัณโรค – ระยะมีอาการ
คำแนะนำจากผู้ผลิตคือ 10 มก./กก. (ไม่ควรเกิน 600 มก.) รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาวัณโรค – ระยะแฝง
ผู้ป่วยที่มีผลการตรวจทูเบอร์คูลิน (tuberculin test) เป็นบวกโดยไม่มีหลักฐานการเป็นโรค 10 มก./กก. (ไม่ควรเกิน 600 มก.) รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 4 เดือน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal Meningitis)
การรักษาผู้เป็นพาหะนำเชื้อนิซซีเรีย เมนิงไจไทดิส (Neisseria meningitidis) ที่ไร้อาการเพื่อกำจัดเชื้อไข้กาฬหลังแอ่นออกจากโพรงหลังจมูก (nasopharynx) 600 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 วัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันเชื้อฮีโมฟิลุส อินฟลูเอ็นเซ (Haemophilus influenzae)
600 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 4 วันติดต่อกัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคเยื่อบุหัวใจอักเสบ (Endocarditis)
300 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 6 สัปดาห์
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคปอดบวมจากเชื้อลีเจียนแนล่า (Legionella Pneumonia)
600 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 14 วัน อาจเพิ่มเข้าในการรักษาด้วยยาอิริโทรมัยซิน (erythromycin)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการมีเชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ภายในจมูก
600 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละสองครั้ง เป็นเวลา 5 วัน สำหรับการรักษาอาการมีเชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียสเรื้อรัง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
สาเหตุมาจากเชื้อเสตร็ปโทโคคัส นิวโมเนีย (Streptococcus pneumoniae) 600 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 10 ถึง 14 วัน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ต่อยาเพนิซิลลิน (penicillin) อย่างรุนแรง อาจจำเป็นต้องได้รับการสังเกต หรือการดูแลโดยเฉพาะ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคเรื้อน (Leprosy) – ชนิดทูเบอร์คูลอยด์ (Tuberculoid)
โรคเรื้อนประเภทมีเชื้อน้อย (Paucibacillary) ชนิดทูเบอร์คิวลิด (tuberculid) หรือไม่แน่ชัด รับประทานครั้งละ 600 มก. รับประทานเดือนละครั้ง ร่วมกับยาแดพโซน (dapsone) 100 มก. ต่อวัน เป็นเวลาการรักษาทั้งสิ้น 6 เดือน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคเรื้อน – ชนิดก้ำกึ่ง
โรคเรื้อนประเภทมีเชื้อมาก (Multibacillary) ชนิดเลโพรมาตัส (lepromatous) หรือก้ำกึ่ง รับประทานครั้งละ 600 มก. รับประทานเดือนละครั้ง ร่วมกับยาโคลฟาซิมีน (clofazimine) และยาแดพโซนและโคลฟาซิมีน เป็นเวลาทั้งสิ้น 12 เดือน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไข้กาฬหลังแอ่น
การรักษาผู้เป็นพาหะนำเชื้อไนซีเรีย เมนิงไจไทดิสที่ไร้อาการเพื่อกำจัดเชื้อไข้กาฬหลังแอ่นออกจากโพรงหลังจมูก
อายุน้อยกว่า 1 เดือน 5 มก./กก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 วัน
อายุ 1 เดือนขึ้นไป 10 มก./กก. (ไม่ควรเกิน 600 มก./ครั้ง) รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 วัน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาวัณโรค – ระยะมีอาการ
สำหรับผู้ป่วยเด็ก คำแนะนำจากผู้ผลิตคือ 10 ถึง 20 มก./กก./วัน (ไม่ควรเกิน 600 มก.) รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาวัณโรค – ระยะแฝง
ทารก เด็ก และวัยรุ่น
คำแนะนำจากสมาคมโรคทรวงอกแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (ATS) ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ (CDC) และสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (AAP) 10 ถึง 20 มก./กก./วัน (ไม่ควรเกิน 600 มก.) รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำ เป็นเวลา 4 ถึง 6 เดือน
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย