backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

อัลลีฟ® (Aleve®)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

อัลลีฟ® (Aleve®)

ข้อบ่งใช้

อัลลีฟ® ใช้สำหรับ

อัลลีฟ® (Aleve®) ประกอบด้วยตัวยานาพรอกเซน (Naproxen) เป็นยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ยานี้จะทำงานโดยการลดฮอร์โมนที่ทำให้เกิดอาการอักเสบ และอาการปวดภายในร่างกาย

อัลลีฟ® ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด สำหรับอาการปวดเมื่อยและอาการปวดในระดับเบา เนื่องจากโรคข้ออักเสบ (arthritis) ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดประจำเดือน ปวดฟัน และโรคหวัด และยังใช้เพื่อลดไข้ชั่วคราวอีกด้วย

นอกจากนี้ อัลลีฟ® ยังอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น นอกเหนือจากที่ระบุอยู่บนคู่มือการใช้ยา

วิธีการใช้อัลลีฟ®

ใช้อัลลีฟ®ตามที่กำหนดบนฉลากยา หรือตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด อย่าใช้ยานี้ในขนาดที่มากกว่า หรือนานกว่าที่แนะนำ ควรใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดเท่าที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรค

อย่าบด เคี้ยว หรือหักเม็ดอัลลีฟ® ควรกลืนยาลงไปทั้งเม็ด

หากเด็กใช้ยานี้ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบ หากเด็กมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านน้ำหนัก ขนาดยาของยานาพรอกเซนนั้นจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก อาจความเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อขนาดยา

หากคุณใช้อัลลีฟ®ในระยะยาว คุณอาจจะต้องได้รับการตรวจเป็นประจำ

ยานี้สามารถทำให้เกิดผลการตรวจทางการแพทย์บางชนิดที่ผิดปกติ โปรดแจ้งให้แพทย์ที่รักษาคุณทราบว่า คุณกำลังใช้อัลลีฟ®

การเก็บรักษาอัลลีฟ®

อัลลีฟ®ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง อัลลีฟ®บางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งอัลลีฟ®ลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้อัลลีฟ®

  • คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
  • หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ รวมทั้งยาที่หาซื้อได้เอง เช่น สมุนไพรหรือยาทางเลือกอื่นๆ
  • หากคุณแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่มีฤทธิ์ในการรักษาของอัลลีฟ® หรือยาอื่นๆ
  • หากคุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ

อัลลีฟ®อาจทำให้เกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต สภาวะเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่มีสัญญาณเตือน ขณะที่คุณกำลังใช้นี้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

คุณไม่ควรใช้อัลลีฟ® หากคุณแพ้ต่อยานาพรอกเซน หรือหากคุณเคยเป็นโรคหอบกำเริบ หรืออาการแพ้ที่รุนแรงหลังจากใช้ยาแอสไพริน หรือยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์

โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรถึงความปลอดภัยในการใช้ยานี้หากคุณเป็น

อัลลีฟ®นั้นไม่ได้รับการยอมรับในการใช้กับเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 อย่าใช้ยานี้กับเด็ก โดยไม่ได้รับคำแนะนำทางการแพทย์

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้

อัลลีฟ® จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้อัลลีฟ®

รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ จาม น้ำมูกไหลหรือคัดจมูก หายใจมีเสียงหวีดหรือหายใจติดขัด ลมพิษ บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ

รับการรักษาในทันที หากคุณมีสัญญาณของหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมอง อย่างอาการแน่นหน้าอกที่แพร่กระจายไปยังกรามหรือไหล่ อาการชา หรืออ่อนแรงอย่างกะทันหันที่ด้านหนึ่งของร่างกาย พูดไม่ชัด ขาบวม รู้สึกหายใจลำบาก

หยุดใช้อัลลีฟ®และติดต่อแพทย์ในทันทีหากคุณมีอาการ

  • หายใจลำบาก (แม้แต่จากการออกกำลังกายระดับเบา)
  • อาการบวมหรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • สัญญาณแรกของผดผื่นผิวหนังใดๆ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
  • สัญญาณของอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร – อุจจาระเป็นเลือดหรือคล้ายยางมะตอย ไอเป็นเลือดหรืออาเจียนคล้ายกากกาแฟ
  • ปัญหาเกี่ยวกับตับ – คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องส่วนบน คัน รู้สึกเหนื่อยล้า มีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีคล้ำ อุจจาระสีดินเหนียว ดีซ่าน (ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง)
  • ปัญหาเกี่ยวกับไต – ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย มีอาการปวดขณะปัสสาวะหรือปัสสาวะติดขัด อาการบวมที่เท้าหรือข้อเท้า รู้สึกเหนื่อยหรือหายใจไม่อิ่ม
  • ภาวะโลหิตจาง – ผิวซีด รู้สึกหน้ามืดหรือหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว รวมรวมสมาธิได้ยาก
  • ปฏิกิริยาผิวหนังที่รุนแรง – เป็นไข้ เจ็บคอ มีอาการบวมที่ใบหน้าหรือลิ้น แสบร้อนที่ดวงตา ปวดผิว ตามด้วยผดผื่นผิวหนังสีแดงหรือสีม่วงที่แพร่กระจาย (โดยเฉพาะใบหน้าหรือร่างกายส่วนบน) และทำให้เกิดแผลพุพองและผิวลอก

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปมีดังนี้

  • อาการไม่ย่อย แสบร้อนกลางอก ปวดท้อง คลื่นไส้
  • ปวดหัว วิงเวียน ง่วงซึม
  • มีรอยช้ำ คัน ผดผื่น
  • อาการบวม
  • มีเสียงอื้อในหู

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ หรืออาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

อัลลีฟ®อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่

  • คอเลสไทรามีน (Cholestyramine)
  • ไซโคลสปอริน (Cyclosporine)
  • ไดจอกซิน (Digoxin)
  • ลิเทียม (Lithium)
  • เมโธเทรกเซท (Methotrexate)
  • เพมิเทรกเซด (Pemetrexed)
  • เฟนิโทอิน (Phenytoin) หรือยาสำหรับอาการชักที่คล้ายกัน
  • โพรเบเนซิด (Probenecid)
  • ยาวาร์ฟาริน (Warfarin) อย่างคูมาดิน (Coumadin) หรือแจนโทเวน (Jantoven) หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือดที่คล้ายกัน
  • ยาขับปัสสาวะหรือยาขับน้ำ
  • ยารักษาโรคหัวใจหรือยารักษาความดันโลหิต
  • ยาอินซูลินหรือยารักษาโรคเบาหวานแบบรับประทาน

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

อัลลีฟ®อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

อัลลีฟ®อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาของอัลลีฟ®สำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบยึดติด (Ankylosing Spondylitis)

  • ยาเม็ดออกฤทธิ์ทันทีและยาน้ำแขวนตะกอน ขนาด 250 มก. ถึง 500 มก. (ยานาพรอกเซน) หรือ 275 มก. ถึง 550 มก. (ยานาพรอกเซน โซเดียม) รับประทานวันละสองครั้ง
  • ยาควบคุมการออกฤทธิ์ 750 มก. ถึง 1,000 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ยาออกฤทธิ์นาน 375 มก. ถึง 500 มก. รับประทานวันละสองครั้ง

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคข้อเสื่อม

  • ยาเม็ดออกฤทธิ์ทันทีและยาน้ำแขวนตะกอน ขนาด 250 มก. ถึง 500 มก. (ยานาพรอกเซน) หรือ 275 มก. ถึง 550 มก. (ยานาพรอกเซน โซเดียม) รับประทานวันละสองครั้ง
  • ยาควบคุมการออกฤทธิ์ 750 มก. ถึง 1,000 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ยาออกฤทธิ์นาน 375 มก. ถึง 500 มก. รับประทานวันละสองครั้ง

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

  • ยาเม็ดออกฤทธิ์ทันทีและยาน้ำแขวนตะกอน ขนาด 250 มก. ถึง 500 มก. (ยานาพรอกเซน) หรือ 275 มก. ถึง 550 มก. (ยานาพรอกเซน โซเดียม) รับประทานวันละสองครั้ง
  • ยาควบคุมการออกฤทธิ์ 750 มก. ถึง 1,000 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ยาออกฤทธิ์นาน 375 มก. ถึง 500 มก. รับประทานวันละสองครั้ง

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคเกาต์เฉียบพลัน

ยาเม็ดออกฤทธิ์ทันทีและยาน้ำแขวนตะกอน

  • ขนาดยาเริ่มต้น 750 มก. (นาพรอกเซน) หรือ 825 มก. (นาพรอกเซน โซเดียม) รับประทานหนึ่งครั้งในวันแรกที่มีอาการกำเริบ
  • ขนาดยาหลังจากขนาดยาเริ่มต้น 250 มก. (นาพรอกเซน) หรือ 275 มก. (นาพรอกเซน โซเดียม) รับประทานทุกๆ 8 ชั่วโมงจนกระทั่งอาการกำเริบบรรเทาลง

ยารูปแบบควบคุมการออกฤทธิ์ ขนาด 1,000 มก. ถึง 1500 มก.

  • รับประทานหนึ่งครั้งในวันแรกที่มีอาการกำเริบ ตามด้วย 1,000 มก. รับประทานวันละครั้ง จนกว่าอาการกำเริบจะบรรเทาลง

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะบวมอักเสบบริเวณข้อต่อ (Bursitis)

ยารูปแบบออกฤทธิ์ทันที (ยานาพรอกเซน โซเดียม)

  • 550 มก. รับประทานหนึ่งครั้ง ตามด้วย 275 มก. รับประทานทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง หรือ 550 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง เท่าที่จำเป็น
  • ขนาดยาสูงสุด ขนาดยาเริ่มต้นต่อวันนั้นไม่ควรเกิน 1,375 มก. หลังจากนั้นก็ไม่ควรเกิน 1100 มก./วัน

ยารูปแบบควบคุมการออกฤทธิ์

  • 1,000 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการระงับความปวดเพิ่มเติม อาจเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 1,500 มก. รับประทานวันละครั้งในระยะเวลาที่จำกัด หลังจากนั้น ขนาดยาโดยรวมต่อวันไม่ควรเกิน 1,000 มก./วัน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการเอ็นอักเสบ (Tendinitis)

ยารูปแบบออกฤทธิ์ทันที (ยานาพรอกเซน โซเดียม)

  • 550 มก. รับประทานหนึ่งครั้ง ตามด้วย 275 มก. รับประทานทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง หรือ 550 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เท่าที่จำเป็น
  • ขนาดยาสูงสุด ขนาดยาเริ่มต้นต่อวันนั้นไม่ควรเกิน 1,375 มก. หลังจากนั้นก็ไม่ควรเกิน 1,100 มก./วัน

ยารูปแบบควบคุมการออกฤทธิ์

  • 1,000 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการระงับความปวดเพิ่มเติม อาจเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 1,500 มก. รับประทานวันละครั้งในระยะเวลาที่จำกัด หลังจากนั้น ขนาดยาโดยรวมต่อวัน ไม่ควรเกิน 1,000 มก./วัน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการปวดประจำเดือน

ยารูปแบบออกฤทธิ์ทันที (ยานาพรอกเซน โซเดียม)

  • 550 มก. รับประทานหนึ่งครั้ง ตามด้วย 275 มก. รับประทานทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง หรือ 550 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เท่าที่จำเป็น
  • ขนาดยาสูงสุด ขนาดยาเริ่มต้นต่อวัน 1,375 มก./วัน . หลังจากนั้นก็ไม่ควรเกิน 1,100 มก./วัน

ยารูปแบบควบคุมการออกฤทธิ์

  • 1,000 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการระงับความปวดเพิ่มเติม อาจเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 1,500 มก. รับประทานวันละครั้งในระยะเวลาที่จำกัด หลังจากนั้น ขนาดยาโดยรวมต่อวัน ไม่ควรเกิน 1,000 มก./วัน

ยาที่หาซื้อได้เอง

  • 220 มก. รับประทานทุกๆ 8 ถึง 12 ชั่วโมงขณะที่ยังมีอาการอยู่
  • อาจรับประทาน 440 มก. หนึ่งครั้งในชั่วโมงแรกหากจำเป็น
  • ขนาดยาสูงสุด 440 มก. (ในช่วง 8 ถึง 12 ชั่วโมง) 660 มก. (ในช่วง 24 ชั่วโมง)

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการปวด

ยารูปแบบออกฤทธิ์ทันที (ยานาพรอกเซน โซเดียม)

  • 550 มก. รับประทานหนึ่งครั้ง ตามด้วย 275 มก. รับประทานทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง หรือ 550 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง เท่าที่จำเป็น
  • ขนาดยาสูงสุด ขนาดยาเริ่มต้นต่อวัน 1,375 มก./วัน . หลังจากนั้นก็ไม่ควรเกิน 1,100 มก./วัน

ยารูปแบบควบคุมการออกฤทธิ์

  • 1,000 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการระงับความปวดเพิ่มเติม อาจเพิ่มขนาดยาขึ้นไปถึง 1,500 มก. รับประทานวันละครั้งในระยะเวลาที่จำกัด หลังจากนั้น ขนาดยาโดยรวมต่อวันไม่ควรเกิน 1,000 มก./วัน

ยาที่หาซื้อได้เอง

  • 220 มก. รับประทานทุกๆ 8 ถึง 12 ชั่วโมงขณะที่ยังมีอาการอยู่
  • อาจรับประทาน 440 มก. หนึ่งครั้งในชั่วโมงแรกหากจำเป็น
  • ขนาดยาสูงสุด 440 มก. (ในช่วง 8 ถึง 12 ชั่วโมง) 660 มก. (ในช่วง 24 ชั่วโมง)

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาไข้

ยาที่หาซื้อได้เอง

  • 220 มก. รับประทานทุกๆ 8 ถึง 12 ชั่วโมงขณะที่ยังมีอาการอยู่
  • อาจรับประทาน 440 มก. หนึ่งครั้งในชั่วโมงแรกหากจำเป็น
  • ขนาดยาสูงสุด 440 มก. (ในช่วง 8 ถึง 12 ชั่วโมง) 660 มก. (ในช่วง 24 ชั่วโมง)

ขนาดยาของอัลลีฟ®สำหรับเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาไข้

ยาที่หาซื้อได้เอง

  • อายุ 12 ปีหรือมากกว่า 220 มก. รับประทานทุกๆ 8 ถึง 12 ชั่วโมงขณะที่ยังมีอาการอยู่
  • อาจรับประทาน 440 มก. หนึ่งครั้งในชั่วโมงแรกหากจำเป็น
  • ขนาดยาสูงสุด 440 มก. (ในช่วง 8 ถึง 12 ชั่วโมง) 660 มก. (ในช่วง 24 ชั่วโมง)

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาอาการปวด

ยาที่หาซื้อได้เอง

  • อายุ 12 ปีหรือมากกว่า 220 มก. รับประทานทุกๆ 8 ถึง 12 ชั่วโมงขณะที่ยังมีอาการอยู่
  • อาจรับประทาน 440 มก. หนึ่งครั้งในชั่วโมงแรก หากจำเป็น
  • ขนาดยาสูงสุด 440 มก. (ในช่วง 8 ถึง 12 ชั่วโมง) 660 มก. (ในช่วง 24 ชั่วโมง)

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็ก

ยาเม็ดรูปแบบออกฤทธิ์ทันทีและยาน้ำแขวนตะกอน

  • อายุ 2 ปีหรือมากกว่า 5 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง

รูปแบบของยา

ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาเม็ดสำหรับรับประทาน

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา