backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

Clarithromycin (คลาริโธรมัยซิน) ข้อบ่งใช้ และผลข้างเคียง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 07/08/2023

Clarithromycin (คลาริโธรมัยซิน) ข้อบ่งใช้ และผลข้างเคียง

Clarithromycin (คลาริโธรมัยซิน) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ รวมถึงยังอาจช่วยร่วมกับยาอื่นเพื่อช่วยรักษาแผลที่กระเพราะอาหาร อย่างไรก็ตาม การใช้ยาอย่างไม่ถูกต้องอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของยา หรือทำให้ดื้อยาได้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ

ข้อบ่งใช้

Clarithromycin ใช้สำหรับ

ยาคลาริโธรมัยซิน (Clarithromycin) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ยานี้ใช้ร่วมกับยาต้านแผลเปื่อย (anti-ulcer medications) เพื่อรักษาแผลที่กระเพาะอาหารบางชนิด และยังอาจใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดได้อีกด้วย ยาคลาริโธรมัยซินเป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มแมคโครไลด์ (macrolide antibiotic) ทำงานโดยการหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

ยาปฏิชีวนะนี้ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่สามารถใช้กับการติดเชื้อไวรัสได้ เช่น โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นหรือใช้ผิดวิธีอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลงได้

วิธีการใช้ยาคลาริโธรมัยซิน

รับประทานยานี้พร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือทุกๆ 12 ชั่วโมง หากเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน อาจรับประทานพร้อมกับอาหารหรือนม

เขย่าขวดยาให้ดีก่อนใช้งานทุกครั้ง ควรตวงยาอย่างระมัดระวัง ด้วยเครื่องมือหรือช้อนสำหรับตวงยา ไม่ควรใช้ช้อนธรรมดา เพราะอาจได้ขนาดยาไม่ถูกต้อง

ยาปฏิชีวนะจะทำงานได้ดีที่สุด หากมีปริมาณของยาในร่างกายอยู่ในระดับที่คงที่ ดังนั้น จึงควรรับประทานยาโดยเว้นระยะเวลาที่เท่ากัน เพื่อให้จำง่ายขึ้น ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน

ขนาดยาและระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา สำหรับเด็ก ขนาดยายังขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวด้วย

หากคุณใช้ยานี้เพื่อรักษาการติดเชื้อ ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องจนครบกำหนด แม้ว่าอาการจะหายไปภายในไม่กี่วัน การหยุดใช้ยาเร็วเกินไป อาจทำให้การติดเชื้อกำเริบได้ หากอาหารของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

หากคุณใช้ยานี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ควรใช้ยาตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด อย่าหยุดใช้ยาโดยที่แพทย์ไม่ยินยอม หากคุณมีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น เป็นไข้หรือมีเหงื่อออกตอนกลางคืน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

การเก็บรักษายาคลาริโธรมัยซิน

ยาคลาริโธรมัยซินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสียหายหรือเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง

ยาคลาริโธรมัยซินบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย

ไม่ควรทิ้งยาคลาริโธรมัยซินลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องเพิ่มเติมได้จากเภสัชกร

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ Clarithromycin

ก่อนใช้ยา แพทย์จะพิจารณาความเสี่ยงของการใช้ยาต่อประโยชน์ของยาเสียก่อน ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนใช้ยาคลาริโธรมัยซิน มีดังต่อไปนี้

โรคภูมิแพ้

แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณเคยมีอาการผิดปกติ หรือแพ้ยานี้ รวมถึงโรคภูมิแพ้อื่นๆ ที่คุณเป็น เช่น แพ้อาหาร สีย้อม สารกันบูด หรือสัตว์ สำหรับยาที่หาซื้อเอง ควรอ่านฉลากยาหรือส่วนประกอบของยาอย่างละเอียด

เด็ก

ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอายุ ต่อประสิทธิภาพของยาคลาริโธรมัยซิน ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน และยังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้ยาคลาริโธรมัยซิน เพื่อป้องกันและรักษาการติดเชื้อมัยโคแบคทีเรียที่ไม่ใช่เชื้อวัณโรค (Mycobacterium avium complex) ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 20 เดือน

ผู้สูงอายุ

ปัจจุบัน ยังไม่มีงานวิจัยที่จะจำกัดประโยชน์ของยาคลาริโธรมัยซินในผู้สูงอายุ แต่ผู้ป่วยสูงอายุมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับไตอย่างรุนแรง และปัญหาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ ซึ่งอาจต้องการความระมัดระวัง และมีการปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ยาคลาริโธรมัยซิน

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้

ยาคลาริโธรมัยซินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A = ไม่มีความเสี่ยง
  • B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C = อาจจะมีความเสี่ยง
  • D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X = ห้ามใช้
  • N = ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของ Clarithromycin

รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ

แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้

  • ปวดศีรษะร่วมกับปวดหน้าอก วิงเวียน หัวใจเต้นเร็วหรือรัว หายใจไม่อิ่ม หรือหมดสติ
  • ถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือมีเลือดปน
  • เป็นไข้ ต่อมบวม ปวดตัว มีอาการของไข้หวัดใหญ่
  • ผื่นผิวหนัง มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย รู้สึกเหน็บชา ปวดกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างรุนแรง
  • สับสน อาเจียน เหงื่อออก น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัสสาวะน้อยกว่าปกติหรือไม่ปัสสาวะเลย
  • มีปัญหากับการได้ยิน
  • ปฏิกิริยาที่ผิวหนังอย่างรุนแรง ใบหน้าหรือลิ้นบวม แสบตา เจ็บผิว ตามด้วยผดผื่นผิวหนังสีม่วงหรือแดงที่แพร่กระจาย (โดยเฉพาะที่ใบหน้าหรือร่างกายส่วนบน) และทำให้เกิดแผลพุพองและผิวลอก ร่วมกับเป็นไข้ เจ็บคอ

ยาคลาริโธรมัยซินยังอาจทำให้ตับมีปัญหารุนแรง หยุดใช้ยานี้และติดต่อแพทย์ในทันที หากคุณมีอาการของโรคตับดังต่อไปนี้

  • เป็นไข้ต่ำ คัน
  • คลื่นไส้ ปวดกระเพาะส่วนบน เบื่ออาหาร
  • ปัสสาวะสีคล้ำ อุจจาระสีดินเหนียว
  • ดีซ่าน (ผิวหนังหรือดวงตาเป็นสีเหลือง)

ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่า มีดังนี้

  • ท้องไส้ปั่นป่วน อาเจียน ท้องร่วง
  • มีรสชาติที่ผิดปกติและไม่พึงประสงค์ภายในปาก
  • ฟันเปลี่ยนสี
  • ปวดศีรษะ
  • มีอาการคันหรือผดผื่นระดับเบา
  • มีอาการคันหรือสารคัดหลั่งจากช่องคลอด

ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

Clarithromycin อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ไม่แนะนำให้ใช้ยาคลาริโธรมัยซินร่วมกับยาดังต่อไปนี้ หากคุณกำลังใช้ยาเหล่านี้อยู่ แพทย์อาจไม่แนะนำให้ใช้ยาคลาริโธรมัยซิน หรือให้เปลี่ยนจากยาเหล่านี้ไปใช้ยาตัวอื่นแทน

  • อัลฟลูโซซิน (Alfuzosin) อะมิแฟมไพรดีน (Amifampridine) แอสเทมมีโซล (Astemizole) เบไพรดิล (Bepridil) ไซซาไพรด์ (Cisapride)
  • โคลไคซีน (Colchicine) คอนนิวาปแทน (Conivaptan) ไดไฮโดรเออร์โกตามีน (Dihydroergotamine) โดรเนดาโรน (Dronedarone)
  • เอเลทริปแทน (Eletriptan) เอลิกลูสแตต (Eliglustat) เอเพลเรโนน (Eplerenone) เออร์โกลอยด์ เอซิเลต (Ergoloid Mesylates) เออร์โกโนวีน (Ergonovine) เออร์โกทามีน (Ergotamine)
  • ฟลูโคนาโซล (Fluconazole) ไอวาบราดีน (Ivabradine) คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) โลมิทาไพด์ (Lomitapide) ดลวาสแตติน (Lovastatin) ลูราซิโดน (Lurasidone) มาราเวียร์ออค (Maraviroc) เมโซริดาซีน (Mesoridazine) เมทิลเลอร์โดโนวีน (Methylergonovine) เมทิลเซอร์ไกด์ (Methysergide)
  • นาโลเซกอล (Naloxegol) เนลฟินาเวียร์ (Nelfinavir) ไนโมดิพีน (Nimodipine) พิโมไซด์ (Pimozide) ไพเพอร์ราควีน (Piperaquine) โพซาโคนาโซล (Posaconazole)
  • ราโนลาซีน (Ranolazine) ซาควินาเวียร์ (Saquinavir) ซิโลโดซิน (Silodosin) ซิมวาสแตติน (Simvastatin) สปาร์ฟลอกแซซิน (Sparfloxacin)
  • เทอร์เฟนาดีน (Terfenadine) ไทโอริดาซีน (Thioridazine) ทอลวาปแทน (Tolvaptan) ซิพราซิโดน (Ziprasidone)

โดยปกติแล้ว แพทย์จะไม่แนะนำให้ใช้ยาคลาริโธรมัยซินกับยาดังต่อไปนี้ แต่อาจจำเป็นต้องใช้ในบางกรณี หากคุณได้รับสั่งยาทั้งสองร่วมกัน แพทย์อาจต้องเปลี่ยนขนาดยาหรือความถี่ในการใช้ยาใดยาหนึ่งหรือทั้งสองชนิด

  • อะโดทราสตูซูแมบ เอมแทนซีน (Ado-Trastuzumab Emtansine) อะฟาทินิบ (Afatinib) อะจามาลีน (Ajmaline) อัลปราโซแลม (Alprazolam) อะมิโอดาโรน (Amiodarone) อะมิทริปทิลีน (Amitriptyline)
  • แอมโลดิพีน (Amlodipine) แอมโมบาบิทอล (Amobarbital) แอมพรีเวียร์ (Amprenavir) อะนากรีไลด์ (Anagrelide) อะพิซาแบน (Apixaban) อะโพมอร์ฟีน (Apomorphine) อะพรีพิแทน (Aprepitant) อะพรินดีน (Aprindine) อะโพรบาร์บิทอล (Aprobarbital) อะริพิพราโซล (Aripiprazole)
  • อาร์เซนิค ไทรออกไซด์ (Arsenic Trioxide) อาร์เทเมเทอร์ (Artemether) อะเซนาพีน (Asenapine) อะทาซานาเวียร์ (Atazanavir) อะโทรวาสแตติน (Atorvastatin) อะวานาฟิล (Avanafil) อะซิทินิบ (Axitinib) อะซิโทรมัยซิน (Azithromycin)
  • เบดาควิลีน (Bedaquiline) โบซูทินิบ (Bosutinib) เบรนทูซิแมบ เวโดทิน (Brentuximab Vedotin) เบรทิเลียม (Bretylium) บูเซเรลิน (Buserelin) บูทาบาร์บิทอล (Butabarbital) บูทาลบิทอล (Butalbital)
  • คาบาซิทาเซล (Cabazitaxel) คาโบซานทินิบ (Cabozantinib) คาร์บาเมเซพีน (Carbamazepine) เซริทินิบ (Ceritinib) โคลโรควีน (Chloroquine) โคลโพรเมซีน (Chlorpromazine) ไซโลสตาซอล (Cilostazol) ไซโพรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ไซทาโลแพรม (Citalopram)
  • โคลไมพรามีน (Clomipramine) โคลนาเซแพม (Clonazepam) โคลเซพีน (Clozapine) โคไบซิสแตต (Cobicistat) คริโซทินิบ (Crizotinib) ไซโคลเบนซาพรีน (Cyclobenzaprine)
  • ดาบิกาทราน เอเทซิเลต (Dabigatran Etexilate) ดาบราเฟนิบ (Dabrafenib) ดาคลาทาสเวียร์ (Daclatasvir) ดาซาทินิบ (Dasatinib) เดลามาลิด (Delamanid) เดซิพรามีน (Desipramine) เดสโลเรลิน (Deslorelin) เดซาเมทาโซน (Dexamethasone) ไดจอกซิน (Digoxin)
  • ดิลไทอาเซม (Diltiazem) ไดโซพิราไมด์ (Disopyramide) โดเซทาเซล (Docetaxel) โดเฟทลไลด์ (Dofetilide) โดลาเซทรอน (Dolasetron) ดอมเพริโดน (Domperidone) โดเซพิน (Doxepin) โดโซรูไบซิน (Doxorubicin) โดโซรูไบซินไฮโดรคลอไรด์ไลโปโซม (Doxorubicin Hydrochloride Liposome) โดรเพริดอล (Droperidol) ดูทาสเทไรด์ (Dutasteride)
  • เอบาสทีน (Ebastine) เอฟาไวเรน (Efavirenz) เอนซาลูทาไมด์ (Enzalutamide) เอริบูลิน (Eribulin) เออร์โลทินิบ (Erlotinib) อิริโทมัยซิน (Erythromycin) เอสไซตาโลแพรม (Escitalopram) เอสลิคาร์เบซาพีน อะซิแตต (Eslicarbazepine Acetate) เอสทาโซแลม (Estazolam) เอสโซไพโคลน (Eszopiclone) เอทราไวรีน (Etravirine) เอเวโรไลมัส (Everolimus)
  • ฟาโมทิดีน (Famotidine) เฟลบาเมต (Felbamate) เฟโลดิพีน (Felodipine) เฟนทานิล (Fentanyl) ฟิงโกลิมอด (Fingolimod) เฟลคาอิไนด์ (Flecainide) ฟลูออกเซทีน (Fluoxetine) ฟลูทิคาโซล (Fluticasone) ฟอร์โมเทรอล (Formoterol) ฟอสคาร์เน็ต (Foscarnet) ฟอสเฟนีโทอิน (Fosphenytoin)
  • กาแลนทามีน (Galantamine) กาทิฟลอกเซซิน (Gatifloxacin) เจมิฟลอกซาซิน (Gemifloxacin) โกนาโดเรลิน (Gonadorelin) โกเซเรลิน (Goserelin) แกรนิเซโทรน (Granisetron)
  • ฮาโลแฟนทรีน (Halofantrine) ฮาโลเพริดอล (Haloperidol) ฮาโลเทน (Halothane) ฮิสเทรลีน (Histrelin) ไฮโดรโคโดน (Hydrocodone) ไฮโดรควินิดีน (Hydroquinidine)
  • ไอบรูทินิบ (Ibrutinib) ไอบูทิไลด์ (Ibutilide) ไอเดลาลิซิบ (Idelalisib) ไอฟอสฟาไมด์ (Ifosfamide) ไอโลเพริโดน (Iloperidone) อิมิพรามีน (Imipramine) อิโซฟลูเรน (Isoflurane) อิสราดิพีน (Isradipine) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) ไอวาคาฟทอร์ (Ivacaftor) ไอเซเบไพโลน (Ixabepilone)
  • ลาพาทินิบ (Lapatinib) เลโทรโซล (Letrozole) เลยูโพรไลด์ (Leuprolide) เลโวฟลอกเซซิน (Levofloxacin) เลโวลมิลนาไซพราน (Levomilnacipran) โลพินาเวียร์ (Lopinavir) ลอร์คาอิไนด์ (Lorcainide) โลซาร์แทน (Losartan) ลูเมแฟนทรีน (Lumefantrine)
  • มาซิเทนแทน (Macitentan) เมโฟลควิน (Mefloquine) เมโฟบาร์บิทอล (Mephobarbital) เมทาโทน (Methadone) เมโทเฮซิทอล (Methohexital) เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ไมโครสเฟียร์ (Microsphere) มิดาโซแลม (Midazolam) มิเฟพริสโทน (Mifepristone)
  • มิโทเทน (Mitotane) มิโซลาทีน (Mizolastine) โมดาฟินิล (Modafinil) มอร์ฟีน (Morphine) มอร์ฟีนซัลเฟตไลโมโซม (Morphine Sulfate Liposome) โมซิฟลอกซาซิน (Moxifloxacin)
  • นาราเซเรลิน (Nafarelin) นาฟซลิลิน (Nafcillin) ไนคาร์ดิพีน (Nicardipine) ไนเฟดิพีน (Nifedipine) ไนโลทินิบ (Nilotinib) นินเทดานิบ Nintedanib) ไนโซลดิพีน (Nisoldipine) นอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxacin) นอร์ทริปทิลีน (Nortriptyline)
  • ออกเทรโอไทด์ (Octreotide) โอฟลอกซาซิน (Ofloxacin) โอแลนซาพีน (Olanzapine) ออนแดนเซโทรน (Ondansetron) ออสเพมิเฟน (Ospemifene) ออหคาร์เบเซพีน (Oxcarbazepine) ออกซิโคโดน (Oxycodone)
  • พาลิเพริโดน (Paliperidone) พาโรซอกทีน (Paroxetine) พาซิเรโอไทด์ (Pasireotide) พาโซพานิบ (Pazopanib) เพนทามิดีน (Pentamidine) เพนโทบาร์บิทอล (Pentobarbital) เพแรมพาเนล (Perampanel) เพอร์ฟลูเทรนลิปิด (Perflutren Lipid)
  • เพอร์เฟนาซีน (Perphenazine) เฟโนบาร์บิทอล (Phenobarbital) เฟนนีโทอิน (Phenytoin) ไพรมิโดน (Primidone) โพรบูคอล (Probucol) โพรคาอินาไมด์ (Procainamide) โพรคลอร์เพราซีน (Prochlorperazine) โพรเมทาซีน (Promethazine) โพรพาเฟโนน (Propafenone) โพรทริปทิลีน (Protriptyline)
  • กัวไทอาพีน (Quetiapine) ควินิดีน (Quinidine) ควินีน (Quinine) เรโกราเฟนิบ (Regorafenib) เรทาพามูลิน (Retapamulin) ไรฟาบูติน (Rifabutin) ไรฟาเพนทีน (Rifapentine) ริลพิไวรีน (Rilpivirine) ริสเพริโดน (Risperidone) ริโทนาเวียร์ (Ritonavir) โรฟลูมิลาส (Roflumilast) โรมิเดปซิน (Romidepsin) รูซอลทินิบ (Ruxolitinib)
  • ซาลาเมเทรอล (Salmeterol) เซโคบาร์บิทอล (Secobarbital) เซอร์ทินดอล (Sertindole) เซโวฟลูเรน (Sevoflurane) ซิลเดนาฟิล (Sildenafil) ซิลทูซิแมบ (Siltuximab) ซิเมพรีเวียร์ (Simeprevir) ซิโรลิมัส (Sirolimus) โซเดียมซัลเฟต (Sodium Phosphate)
  • โซเดียมฟอสเฟตไดเบสิค (Sodium Phosphate Dibasic) โซเดียมฟอสเฟตโมโนเบสิค (Sodium Phosphate Monobasic) โซลิเฟนาซิน (Solifenacin) โซราเฟนิบ (Sorafenib) โซทาลอล (Sotalol) สไปรามัยซิน (Spiramycin) ซูลฟาเมโทซาโซล (Sulfamethoxazole) ซูนิทินิบ (Sunitinib) ซูโวเรแซน (Suvorexant)
  • สมุนไพรเซนต์จอห์น (St John’s Wort)
  • ทาโครลิมัส (Tacrolimus) ทาดาลาฟิล (Tadalafil) ทาโมซิเฟน (Tamoxifen) แทมซูโลซิน (Tamsulosin) เทลาพรีเวียร์ (Telaprevir) เทลาแวนซิน (Telavancin) เทลิโทรมัยซิน (Telithromycin) เทมซิโรลิมัส (Temsirolimus) เททราเบนาซีน (Tetrabenazine)
  • ไทโอเพนทาล (Thiopental) ไทกาเกรลอร์ (Ticagrelor) ไทซานิดีน (Tizanidine) ทอลเทโรดีน (Tolterodine) โทโพเทแคน (Topotecan) โทเรมิฟีน (Toremifene) ทราเบคเทดีน (Trabectedin)
  • ทรามาดอล (Tramadol) ทราโซโดน (Trazodone) ไทรอาโซแลม (Triazolam) ไทรเมโทพริม (Trimethoprim) ทริไมพรามีน (Trimipramine) ทริปโทเรลิน (Triptorelin)
  • แวนเดทานิบ (Vandetanib) วาร์เดนาฟิล (Vardenafil) เวมูราเฟนิบ (Vemurafenib) เวทลาฟาซีน (Venlafaxine) เวราพามิล (Verapamil) ไวแลนเทรรอล (Vilanterol) ไวลาโซโดน (Vilazodone) วินบลาสทีน (Vinblastine) วินคริสทีน (Vincristine)
  • วินคริสทีนซัลเฟตไลโปโซม (Vincristine Sulfate Liposome) วินฟลูนีน (Vinflunine) ไวโนเรบีน (Vinorelbine) โวราพาซาร์ (Vorapaxar) โวริโคนาโซล (Voriconazole) โวริโนสแตต (Vorinostat) วาฟารืน (Warfarin)
  • เซลพลอน (Zaleplon) ซิโดวูดีน (Zidovudine) ซิเลยูทอน (Zileuton) โซลพิเดม (Zolpidem)

การใช้ยานี้กับยาดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ แต่การใช้ยาทั้งสองชนิดร่วมกันอาจเป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ หากคุณได้รับสั่งยาทั้งสองร่วมกัน แพทย์อาจต้องเปลี่ยนขนาดยาหรือความถี่ในการใช้ยา หนึ่งหรือทั้งสองชนิด

  • อะเซโนคูมารอล (Acenocoumarol) อัลเฟนทานิล (Alfentanil) โบรโมคริปทีน (Bromocriptine) คอนจูกาเทตเอสโทรเจน (Conjugated Estrogens) ไซคลอสโพรีน (Cyclosporine)
  • ดารุนาเวียร์ (Darunavir) เดลาเวียร์ดีน (Delavirdine) ไดอาเซแพม (Diazepam) เอสเทอริฟิลเอสโทรเจน (Esterified Estrogens) เอสทราดอล (Estradiol) เอสไทรดอล (Estriol) เอสโทรล (Estrone) เอสโทรไพเพต (Estropipate) เอทินิลเอสทราดอล (Ethinyl Estradiol)
  • ไกลพิไซด์ (Glipizide) ไกลบูไรด์ (Glyburide) เฮโซบาร์บิทอล (Hexobarbital) อินดินาเวียร์ (Indinavir) ไลน์โซลิด (Linezolid) เมทิลเพรดนิโซโลน (Methylprednisolone) เนไวราพีน (Nevirapine)
  • พราวาสแตติน (Pravastatin) เพรดนิโซน (Prednisone) ราซาจิลีน (Repaglinide) ไรแฟมพิน (Rifampin) ไรวาโรซาแบน (Rivaroxaban) ไทพรานาเวียร์ (Tipranavir)

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาคลาริโธรมัยซินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาคลาริโธรมัยซินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะ

  • เคยมีภาวะน้ำดีคั่ง (Cholestatic jaundice)
  • เคยมีปัญหาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ เช่น QT prolongation โรคตอร์ซาดเดอปวงต์ (Torsades de Pointes) ภาวะหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะ (ventricular arrhythmia)
  • การทำงานของไตลดลง
  • เคยเป็นโรคพอร์ฟิเรีย (Porphyria) ไม่ควรใช้ยาคลาริโธรมัยซินร่วมกับแรนิทิดีนบิสมัทไซเตรต (ranitidine bismuth citrate) ในผู้ป่วยที่มีอาการนี้
  • ท้องร่วง
  • โรคหัวใจ
  • โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอ็มจี (Myasthenia gravis) ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง อาจทำให้อาการแย่ลงได้
  • ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia) และไม่ได้รับการรักษา
  • ภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ (Hypomagnesemia) และไม่ได้รับการรักษา ควรรับการรักษาก่อนเริ่มต้นใช้ยา
  • โรคไต
  • เคยเป็นโรคตับ
  • โรคตับ ไม่ควรใช้ยาคลาริโธรมัยซินร่วมกับโคลชิซิน (colchicine) ในผู้ป่วยที่มีอาการนี้
  • โรคไตรุนแรง ควรใช้อย่างระมัดระวัง ผลของยาอาจเพิ่มขึ้นเพราะกำจัดยาออกจากร่างกายได้ช้าลง

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนการใช้ยานี้

ขนาดยาคลาริโธรมัยซินสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) หรือคออักเสบ (Pharyngitis)

ยาออกฤทธิ์ทันที : 250 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาไซนัสอักเสบ (Sinusitis)

ยาออกฤทธิ์ทันที : 500 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 14 วัน

ยาออกฤทธิ์นาน : 1000 มก. รับประทานทุกๆ 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 14 วัน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)

ยาออกฤทธิ์ทันที :

  • เนื่องจากเชื้อฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซา (H influenzae) : 500 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 ถึง 14 วัน
  • เนื่องจากเชื้อฮีโมฟิลุส พาราอินฟลูเอนเซ (H parainfluenzae) : 500 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน
  • เนื่องจากเชื้อมอเรกซ์เซลลา คาทาร์ฮาลิส (M catarrhalis) หรือเชื้อสเตรปโตค็อกคัส นิวโมเนีย (S pneumoniae) : 250 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 ถึง 14 วัน

ยาออกฤทธิ์นาน : 1000 มก. รับประทานทุกๆ 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคปอดบวม (Pneumonia)

ยาออกฤทธิ์ทันที :

  • เนื่องจากเชื้อฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซา : 250 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน
  • เนื่องจากเชื้อสเตรปโตค็อกคัส นิวโมเนียหรือเชื้อคลามายโดฟิลา นิวโมเนีย (Chlamydophila pneumoniae) : 250 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 ถึง 14 วัน

ยาออกฤทธิ์นาน : 1000 มก. รับประทานทุกๆ 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคปอดบวมจากเชื้อมัยโคพลาสมา (Mycoplasma Pneumonia)

  • ยาออกฤทธิ์ทันที : 250 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 ถึง 14 วัน
  • ยาออกฤทธิ์นาน : 1000 มก. รับประทานทุกๆ 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 วัน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างผิว

ยาออกฤทธิ์ทันที: 250 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 7 ถึง 14 วัน

ขนาดยาคลาริโธรมัยซินสำหรับเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) หรือคออักเสบ (Pharyngitis)

ยาออกฤทธิ์ทันที : 6 เดือนขึ้นไป รับประทานยา 7.5 มก./กก. ทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาไซนัสอักเสบ (Sinusitis)

ยาออกฤทธิ์ทันที : 6 เดือนขึ้นไป รับประทานยา 7.5 มก./กก. ทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคปอดบวมจากเชื้อมัยโคพลาสมา (Mycoplasma Pneumonia)

ยาออกฤทธิ์ทันที : 6 เดือนขึ้นไป รับประทานยา 7.5 มก./กก.ทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคปอดบวม (Pneumonia)

ยาออกฤทธิ์ทันที : 6 เดือนขึ้นไป รับประทานยา 7.5 มก./กก. ทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาหูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media)

ยาออกฤทธิ์ทันที : 6 เดือนขึ้นไป รับประทานยา 7.5 มก./กก. ทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างผิว

ยาออกฤทธิ์ทันที : 6 เดือนขึ้นไป รับประทานยา 7.5 มก./กก. ทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อมัยโคแบคทีเรียที่ไม่ใช่เชื้อวัณโรค (Mycobacterium avium-intracellulare)

ยาออกฤทธิ์ทันที : 20 เดือนขึ้นไป รับประทานยา 7.5 มก./กก. วันละสองครั้ง

ขนาดยาสูงสุด : 500 มก./ครั้ง

รูปแบบของยา

ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาเม็ด 250 มก. 500 มก.

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

อาการใช้ยาเกินขนาดมีดังต่อไปนี้

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 07/08/2023

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา