backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ฟิโลดิปีน (Felodipine)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ข้อบ่งใช้

ฟิโลดิปีน ใช้สำหรับ

ฟิโลดิปีน (Felodipine) เป็นยาในกลุ่มแคลเซียมชาแนลบล็อกเกอร์ (calcium channel blocker) ใช้เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) การลดระดับความดันโลหิตที่เพิ่มสูงนั้นจะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และปัญหาเกี่ยวกับไต ในการปิดกั้นแคลเซียม ยานี้จะคลายและขยายหลอดเลือดเพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น

การใช้งานในด้านอื่น

ในส่วนนี้จะมีวิธีการใช้ยาที่ไม่ได้อยู่บนฉลากยา และได้รับการอนุมัติจากผู้เชี่ยวชาญ แต่อาจได้รับสั่งยาจากผู้ดูแลสุขภาพของคุณ หากผู้ดูแลสุขภาพของคุณสั่งยานี้ ควรใช้ยานี้กับสภาวะที่อยู่ในรายชื่อนี้เท่านั้น

  • ยาฟิโลดิปีนอาจใช้เพื่อป้องกันอาการเจ็บหน้าอก (Angina)

วิธีการใช้ยา ฟิโลดิปีน

รับประทานยาฟิโลดิปีนโดยปกติคือวันละครั้ง ขณะท้องว่าง หรือตามที่แพทย์กำหนด หากเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน อาจรับประทานพร้อมกับอาหารมื้อเบาๆ ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษา

อย่าบดหรือเคี้ยวยาแบบออกฤทธิ์นาน การทำแบบนี้อาจทำให้ยาออกฤทธิ์มาทั้งหมดในคราวเดียว และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง นอกจากนี้ยังไม่ควรแบ่งเม็ดยา เว้นแต่ว่าจะมีเส้นแบ่งยาและแพทย์หรือเภสัชกรสั่งให้ทำ กลืนยาทั้งเม็ดหรือเม็ดยาที่แบ่งแล้วลงไป โดยไม่ต้องบดหรือเคี้ยวยา

ใช้ยาฟิโลดิปีนเป็นประจำ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะรู้สึกเป็นปกติแล้วก็ตาม ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมักจะไม่รู้สึกป่วย ยานี้จะไม่มีประสิทธิภาพ หากใช้แค่เฉพาะตอนที่มีอาการปวดหน้าอกเท่านั้น ควรใช้ยาฟิโลดิปีนเป็นประจำตามที่กำหนด เพื่อป้องกันอาการปวดหน้าอก

หลีกเลี่ยงการรับประทานหรือดื่มน้ำเกรฟฟรุตขณะกำลังใช้ยานี้ นอกเสียจากแพทย์จะสั่ง เกรฟฟรุตสามารถเพิ่มปริมาณของยาฟิโลดิปีนในกระแสเลือดได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

อย่าหยุดใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้สภาวะบางอย่างอาจมีอาการแย่ลงหากหยุดใช้ยากะทันหัน ควรค่อยๆ ลดขนาดยาลงมา

การเก็บรักษายา ฟิโลดิปีน

ยาฟิโลดิปีนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาฟิโลดิปีนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งยาฟิโลดิปีนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาฟิโลดิปีน

ก่อนใช้ยาฟิโลดิปีน

  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยาฟิโลดิปีนหรือยาอื่นๆ
  • แจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับยาตามใบสั่งและยาที่หาซื้อเองที่คุณกำลังใช้ โดยเฉพาะยาต้านชัก เช่น ยาคาร์บามาซีปีน (Carbamazepine) อย่างเทเกรทอล (tegretol) ยาเฟนีทอยน์ (phenytoin) อย่างไดแลนทิน (dilantin) และยาฟีโนบาร์บิทัล (phenobarbital) ยาไซเมทิดีน (cimetidine) อย่างทากาเมต (tagamet) ยาอิริโทรมัยซิน (erythromycin) อย่างอีอีเอส (e.e.s.) อีมัยซิน (e-mycin) และอื่นๆ ยาไอทราโคนาโซล (itraconazole) อย่างสปอรานอกซ์ (sporanox) ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) อย่างไนโซรอล (nizoral) ยาแรนิทิดีน (ranitidine) อย่างแซนแทค (zantac) และวิตามินต่างๆ
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณเป็นหรือเคยเป็นโรคหัวใจ โรคตับ หรือโรคไต
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณตั้งครรภ์ มีแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร หากคุณตั้งครรภ์ขณะใช้ยาฟิโลดิปีน ให้ติดต่อแพทย์ทันที
  • หากคุณกำลังจะรับการผ่าตัดรวมถึงการผ่าตัดทำฟัน แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้

ยาฟิโลดิปีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยาฟิโลดิปีน

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปมีดังต่อไปนี้ คือ วิงเวียน เวียนศีรษะ ปวดหัว หน้าแดง หรือท้องไส้ปั่นป่วน ในช่วงที่ร่างกายกำลังปรับตัวเข้ากับยา

รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ

ติดต่อแพทย์ในทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น รู้สึกเหมือนจะหมดสติ รู้สึกหายใจไม่อิ่ม มีอาการบวมที่มือหรือขา หัวใจเต้นเร็วหรือรัว มีอาการเหน็บชา ปวดหน้าอกหรือรู้สึกหนัก มีอาการปวดแพร่กระจายไปยังแขนหรือไหล่ คลื่นไส้ เหงื่ออก รู้สึกป่วยทั่วๆ ไป

ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังต่อไปนี้ คือ ปวดหัว วิงเวียน ง่วงซึม อ่อนแรง กระสับกระส่ายหรือกังวลใจ คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องผูก ท้องร่วง ปวดท้อง นอนไม่หลับ ปวดข้อต่อหรือปวดกล้ามเนื้อ รู้สึกอุ่น มีรอยแดง หรือรู้สึกเสียวซ่าใต้ผิวหนัง ผดผื่นในระดับเบา ปัสสาวะมากกว่าปกติ หรือมีอาการของโรคหวัดเช่นคัดจมูก จาม หรือเจ็บคอ

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาฟิโลดิปีนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ แม้ยาบางชนิดไม่ควรใช้ร่วมกัน แต่ในบางกรณีอาจต้องใช้ยาที่แตกต่างกันสองชนิด แม้ว่าอาจจะเกิดปฏิกิริยา ในกรณีนี้แพทย์ทาจต้องเปลี่ยนขนาดยา หรือมีข้อควรระวังอื่นๆ เมื่อคุณใช้ยานี้ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณใช้ยาดังรายชื่อต่อไปนี้ รายชื่อยาเหล่านี้เลือกมาจากโอกาสที่อาจเป็นไปได้ และอาจจะไม่ครอบคลุมทั้งหมด

ไม่แนะนำการใช้ยานี้ร่วมกับ โคลชิซิน (Colchicine) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) หรือ คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) แพทย์อาจไม่รักษาคุณด้วยยาฟิโลดิปีนหรือเปลี่ยนยาบางชนิดที่คุณกำลังใช้

โดยปกติไม่แนะนำการใช้ยาฟิโลดิปีนร่วมกับยาเหล่านี้ แต่อาจจำเป็นในบางกรณี คือ

  • อะฟาทินิบ (Afatinib)
  • แอมมิโอราโดน (Amiodarone)
  • อะทาซานาเวียร์ (Atazanavir)
  • โบซูทินิบ (Bosutinib)
  • คาร์บามาเซพีน (Carbamazepine)
  • เคอร์ริทินิบ (Ceritinib)
  • คลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin)
  • โคลพิโดเกรล (Clopidogrel)
  • โคบิซิสแตท (Cobicistat)
  • ไซโคลสปอริน (Cyclosporine)
  • ดาบิดาทราน เอ็กซ์เทซิเลต (Dabigatran Etexilate)
  • ดาบราเฟนิบ (Dabrafenib)
  • แดนโทรเลน (Dantrolene)
  • ดอกซ์โซรูไบซิน (Doxorubicin)
  • ดอกซ์โซรูไบซินไฮโดรคลอไรด์ไลโปโซม (Doxorubicin Hydrochloride Liposome)
  • โดรเพริดอล (Droperidol)
  • เอสลิคาร์เบเซพีน แอซิเตท (Eslicarbazepine Acetate)
  • เอเวโรลิมัส (Everolimus)
  • ไอเดลาลิซิบ (Idelalisib)
  • ลาโคซาไมด์ (Lacosamide)
  • ไมเบฟราดิล (Mibefradil)
  • ไมโทเทน (Mitotane)
  • มอร์ฟีน (Morphine)
  • มอร์ฟีนซัลเฟตไลโปโซม (Morphine Sulfate Liposome)
  • ไนโลทินิบ (Nilotinib)
  • ไพเพราควีน (Piperaquine)
  • ไรแซนโทรน (Pixantrone)
  • โพมาลิโดไมด์ (Pomalidomide)
  • พริไมโดน (Primidone)
  • โรมิเดบซิน (Romidepsin)
  • ซิลทูซิแมบ (Siltuximab)
  • สมุนไพรเซนต์จอห์น (St John’s Wort)
  • โทโพเทแคน (Topotecan)
  • ทราเบคเทดิน (Trabectedin)
  • วินคริสทีน (Vincristine)
  • วินคริสทีนซัลเฟตไลโปโซม (Vincristine Sulfate Liposome)

หากคุณได้รับยาเหล่านี้ร่วมกัน แพทย์อาจจะเปลี่ยนขนาดยาหรือความถี่ในการใช้ยาตัวใดตั้วหนึ่งหรือทั้งสองชนิด

การใช้ยานี้ร่วมกับยาดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงบางอย่าง แต่การใช้ยาทั้งสองร่วมกัน อาจเป็นวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ได้แก่

  • ยาอะเซบูโทลอล (Acebutolol)
  • อะเซโคลเฟเนค (Aceclofenac)
  • อะเซเมทาซิน (Acemetacin)
  • อัลเพรโนลอล (Alprenolol)
  • แอมเพรนาเวียร์ (Amprenavir)
  • แอมทอลเมทิน กัวซิล (Amtolmetin Guacil)
  • แอสไพริน อะไรโนลอล (Atenolol)
  • เบทาโซลอล (Betaxolol)
  • เบแวรโทลอล (Bevantolol)
  • ไบโซโพรลอล (Bisoprolol)
  • บรอมเฟเนค (Bromfenac)
  • บูซินโดลอล (Bucindolol)
  • บูเฟซาแมค (Bufexamac)
  • คาร์เทโอลอล (Carteolol)
  • คาร์เวดิลอล (Carvedilol)
  • เซเลโคซิบ (Celecoxib)
  • เซลิโพรลอล (Celiprolol)
  • คลอลีนซาลิไซเลต (Choline Salicylate)
  • โคลนิซิน (Clonixin)
  • ดาลโฟพริสทิน (Dalfopristin)
  • เดซิบูโพรเฟน (Dexibuprofen)
  • เดกซ์คีโทโพรเฟน (Dexketoprofen)
  • ไดโคลเฟเนค (Diclofenac)
  • ไดฟลูนิซอล (Diflunisal)
  • ไดเลวาลอล (Dilevalol)
  • ไดพีโรน (Dipyrone)
  • เอาโมลอล (Esmolol)
  • เอโทโดแลค (Etodolac)
  • อีโทเฟนาเมต (Etofenamate)
  • อีโทริโคซิบ (Etoricoxib)
  • เฟลไบแนค (Felbinac)
  • เฟโนโพรเฟน (Fenoprofen)
  • เฟพราดิลอล (Fepradinol)
  • เฟพราโซน (Feprazone)
  • ฟลอคทาเฟนีน (Floctafenine)
  • ฟลูโคนาโซล (Fluconazole)
  • กรดฟลูเฟนามิค (Flufenamic Acid)
  • เฟลอร์ไบโพรเฟน (Flurbiprofen)
  • ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
  • ไอบูโพรเฟนไลซีน (Ibuprofen Lysine)
  • อินดินาเวียร์ (Indinavir)
  • อินโดเมทาซิน (Indomethacin)
  • คีโตโพรเฟน (Ketoprofen)
  • คีโตโรแลค (Ketorolac)
  • ลาเบทาลอล (Labetalol)
  • เลโวบูโนลอล (Levobunolol)
  • ลอร์โนซิแคม (Lornoxicam)
  • โลโซโพรเฟน (Loxoprofen)
  • ลูมิราโคซิบ (Lumiracoxib)
  • แมกนีเซียม (Magnesium)
  • เมโคลเฟนาเมต (Meclofenamate)
  • กรดเมเฟนามิค (Mefenamic Acid)
  • เมโลซิแคม (Meloxicam)
  • เมพินโดลอล (Mepindolol)
  • เมทิพราโนลอล (Metipranolol)
  • เมโทโพรลอล (Metoprolol)
  • มอร์นิฟลูเมต (Morniflumate)
  • นาบูเมโทน (Nabumetone)
  • นาโดลอล (Nadolol)
  • นาพรอกเซน (Naproxen)
  • เนบิโวลอล (Nebivolol)
  • เนลฟินาเวียร์ (Nelfinavir)
  • เนพาเฟแนค (Nepafenac)
  • กรดไนฟลูมิก (Niflumic Acid)
  • ไนเมซูไลด์ (Nimesulide)
  • โอซาโพรซิน (Oxaprozin)
  • ออกคาร์เบเซพีน (Oxcarbazepine)
  • ออกซ์เพรโนลอล (Oxprenolol)
  • ออกซ์ซีเฟนบูทาโซน (Oxyphenbutazone)
  • พาเรโคซิบ (Parecoxib)
  • เพนบูโทลอล (Penbutolol)
  • ฟีโนบาร์บิทอล (Phenobarbital)
  • เฟนีลบูทาโซล (Phenylbutazone)
  • พิคีโตโพรเฟน (Piketoprofen)
  • พินโดลอล (Pindolol)
  • พิโรซิแคม (Piroxicam)
  • พราโนโพรเฟน (Pranoprofen)
  • โพรกลูเมทาซิน (Proglumetacin)
  • โพรพราโนลอล (Propranolol)
  • โพรพิเฟนาโซล (Propyphenazone)
  • โพรกวาโซน (Proquazone)
  • ควินูพริสทิน (Quinupristin)
  • ไรฟาเพนทีน (Rifapentine)
  • โรเฟโคซิบ (Rofecoxib)
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)
  • ซาลซาเเลต (Salsalate)
  • โซเดียมซาลิไซเลต (Sodium Salicylate)
  • โซทาลอล (Sotalol)
  • ซูลินแดค (Sulindac)
  • ทาลิโนลอล (Talinolol)
  • เทโนซิแคม (Tenoxicam)
  • เทอร์ทาโทลอล (Tertatolol)
  • กรดไทอาโพรเฟนิค (Tiaprofenic Acid)
  • ทิโมลอล (Timolol)
  • กรดทอลเฟทามิก (Tolfenamic Acid)
  • ทอลเมทิน ( Tolmetin)
  • วาลเดโคซิบ (Valdecoxib)

หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งคู่ร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องเปลี่ยนขนาดยาหรือความถี่ในการใช้ยาตัวหนึ่งหรือทั้งคู่

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาฟิโลดิปีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ โดยเฉพาะน้ำเกรฟฟรุต

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาฟิโลดิปีนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะ

  • หัวใจล้มเหลว ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น
  • โรคตับ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ผลของยาอาจเพิ่มขึ้นเพราะกำจัดยาออกจากร่างกายได้ช้าลง

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาฟิโลดิปีนสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) 

  • ขนาดยาเริ่มต้น 5 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ขนาดยาปกติ 2.5 ถึง 10 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • คำแนะนำจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และสถาบันหัวใจปอดและเลือดแห่งชาติ (NHLBI) ขนาดยาปกติคือตั้งแต่ 2.5 ถึง 20 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension)  

  • ขนาดยาเริ่มต้น 2.5 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ขนาดยาปกติ 2.5 ถึง 10 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาฟิโลดิปีนสำหรับเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension)  

ยาฟิโลดิปีนไม่ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) สำหรับใช้ในการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยเด็กตามปกติ

คำแนะนำจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และสถาบันหัวใจปอดและเลือดแห่งชาติ (NHLBI) :สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป

  • ขนาดยาเริ่มต้น 2.5 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ขนาดยาปกติ 2.5 ถึง 10 มก. รับประทานวันละครั้ง

รูปแบบของยา

ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาเม็ดออกฤทธิ์นาน 24 ชั่วโมงสำหรับรับประทาน 2.5 มก. 5 มก. 10 มก.

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา