ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรพิมพ์จิต วัฒนชโนบล
ยา ไซโคลสปอริน (Cyclosporine) ใช้เพื่อป้องกันการต่อต้านอวัยวะใหม่ในผู้ที่ทำการปลูกถ่ายตับ ไต หรือหัวใจ มักใช้ร่วมกับยาอื่น เพื่อให้อวัยวะใหม่นั้นทำงานได้อย่างเป็นปกติ ยาไซโคลสปอริน ยังใช้เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ขั้นรุนแรง (severe rheumatoid arthritis) และสภาวะของผิวบางอย่าง เช่น โรคสะเก็ดเงินขั้นรุนแรง (severe psoriasis) ยาไซโคลสปอรินนั้นอยู่ในกลุ่มของยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressants) ทำงานโดยชะลอระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายต่อต้านอวัยวะใหม่ ป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมที่ข้อต่อ (ในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์) และป้องกันความเสียหายเพิ่มเติมที่ผิวหนัง (ในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน) สำหรับการรักษาโรคสะเก็ดเงิน หรือโรคอักเสบข้อรูมานอด์ มักจะใช้ยานี้รักษาผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ยาอื่น หรือการรักษาด้วยวิธีอื่นไม่สามารถบรรเทาอาการได้
ยา ไซโคลสปอริน ยังอาจใช้เพื่อป้องกันการต่อต้านการปลูกถ่ายอวัยวะอื่น (เช่น กระจกตาหรือตับอ่อน) หรือการปลูกถ่ายไขกระดูก นอกจากนี้ยังอาจใช้รักษาอาการที่อาจจะดีขึ้น หากมีการส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้ม เช่น โรคโครห์น (Crohn’s Disease)
ยาไซโคลสปอรินมีทั้งยาสำหรับฉีดและยาสำหรับรับประทาน
ให้ยาไซโคลสปอรินเข้าทางหลอดเลือดดำตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือวันละครั้ง นานกว่า 2-6 ชั่วโมง หากคุณใช้ยาไซโคลสปอรินเองที่บ้าน ควรเรียนรู้วิธีการเตรียมตัวและใช้ยาจากแพทย์ ก่อนใช้ยาควรตรวจสอบหาฝุ่นละอองหรือการเปลี่ยนสีของยา หากมีไม่ควรใช้ยานั้น ควรเรียนรู้วิธีการเก็บรักษาและการกำจัดอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างปลอดภัย
หากให้ยาไซโคลสปอรินเข้าทางหลอดเลือดดำ หนึ่งในส่วนผสมของยานี้อย่างน้ำมันละหุ่งโพลีออกซิเอทิเลต (polyoxyethylated castor oil) อาจทำให้เกิดอาการแพ้ที่รุนแรงแต่พบได้ยาก หากคุณใช้ยานี้เองที่บ้าน ควรเตรียมตัวในการรักษาตัวเองตามที่แพทย์กำหนด หากเกิดอาการแพ้ขึ้น
หากใช้ยาแบบรับประทาน รับประทานยาไซโคลสปอรินโดยปกติ คือวันละครั้ง ในเวลาเดียวกันทุกวัน หรือตามที่แพทย์กำหนด อาจรับประทานพร้อมกับอาหาร หรือแยกต่างหาก แต่ควรเลือกทางใดทางหนึ่งตลอดไป ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ ระดับของยาไซโคลสปอรินในเลือด การทำงานของไต และการตอบสนองต่อการรักษา ควรทำตามตารางการใช้ยาอย่างเคร่งครัด
เพื่อเพิ่มรสชาติของยาน้ำ อาจผสมยากับนม นมช็อกโกแลต หรือน้ำส้ม ใช้กระบอกยาเพื่อตวงยาใส่ลงไปในแก้วนมหรือน้ำส้ม คนให้เข้ากันแล้วดื่มทันที ควรใช้ถ้วยแก้วไม่ใช่แบบโฟมพลาสติก เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับยาครบ ควรเติมน้ำลงไปในแก้ว คนให้เข้ากันแล้วดื่มซ้ำ
ใช้ยานี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำ ควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
ยาไซโคลสปอรินจะทำงานได้ดีที่สุด หากมีปริมาณของยาในร่างกายที่ระดับคงที่ ดังนั้น จึงควรใช้ยาโดยเว้นระยะเวลาให้เท่ากัน
หากคุณใช้ยาไซโคลสปอริน เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบ อาจต้องใช้เวลานานกว่า 4-8 สัปดาห์ กว่าจะสังเกตเห็นอาการที่ดีขึ้น และใช้เวลานานกว่า 4 เดือน กว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจากยา
หากคุณใช้ยาไซโคลสปอรินเพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงิน อาจต้องใช้เวลานานกว่า 2-4 สัปดาห์ กว่าจะสังเกตเห็นอาการที่ดีขึ้น และใช้เวลานานกว่า 4 เดือน กว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจากยา ขนาดยาจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นระหว่างการรักษา แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากใช้ยาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ หรือใช้ยาในขนาดยาสูงสุดที่แนะนำแล้ว หากคุณใช้ยาไซโคลสปอรินเพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงิน ไม่ควรใช้ยาต่อเนื่องกันเกิน 1 ปี เว้นแต่แพทย์จะสั่ง
ยาไซโคลสปอรินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นจากแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไซโคลสปอรินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาไซโคลสปอรินลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ก่อนใช้ยาไซโคลสปอริน
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาไซโคลสปอรินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้
ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังนี้
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาไซโคลสปอรินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่ ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาแคสโปฟังกิน (Caspofungin) ยาโคลทาร์ (coal tar) ยาอีเซทิไมบ์ (ezetimibe) ยาซัลฟินไพราโซน (Sulfinpyrazone) ยาทาโครลิมัส (Tacrolimus) ยาเทมไซโรลิมัส (temsirolimus) ยาเทอร์ไบนาฟีน (terbinafine) ยาที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันลดลงหรือเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้ออื่นๆ เช่น นาทาลิซูแมบ (natalizumab) ริทูซิแมบ (rituximab) โทฟาซิทินิบ (tofacitinib) ยาที่ทำให้ปัญหาเกี่ยวกับไตรุนแรงขึ้น เช่น อะไซโคลเวียร์ (acyclovir) ยาปฏิชีวนะอะมิโนไกลโคไซด์ (aminoglycoside antibiotics) อย่าง โทบรามัยซิน (tobramycin) แอมโฟเทอริซิน บี (Amphotericin B) โคลชิซิน (colchicine) เมลฟาแลน (Melphalan) แรนิทิดีน (ranitidine) ยาซัลฟ่า (sulfa) อย่าง ซัลฟาเมทอกซาโซน (Sulfamethoxazole) แวนโคมัยซิน (vancomycin) ยาที่อาจเพิ่มระดับของโพแทสเซียมอย่าง อาหารเสริมโพแทสเซียม ยาขับน้ำอย่างอะมิโลไรด์ (amiloride) หรือสไปโรโนแลกโทน (spironolactone)
ยาอื่นอาจส่งผลกระทบต่อการกำจัดยาไซโคลสปอรินออกจากร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของยานี้ได้ เช่น อัลโลพูรินอล (allopurinol) อะมิโอดาโรน (amiodarone) ยาในกลุ่มบาร์บิทูเรต (Barbiturate) อย่างฟีโนบาร์บิทัล (phenobarbital) โบซีพรีเวียร์ (Boceprevir) โบเซนแทน (Bosentan) ยาในกลุ่มแคลเซียมชาแนลบล็อกเกอร์ (calcium channel blockers) อย่างดิลไทอะเซม (Diltiazem) ไนเฟดิปีน (nifedipine) เวราพามิล (verapamil) ไซเมทิดีน (Cimetidine) ยาต้านไวรัสเอชไอวี (HIV protease inhibitors) อย่างอินดินาเวียร์ (Indinavir) อิมมาตินิบ (imatinib) ยาฮอร์โมนเพศชายสังเคราะห์ อย่างดานาซอล (Danazol) เมทิลเทสโทสเตอโรน (Methyltestosterone) เมทิลเพรดนิโซโลน (methylprednisolone) เมโทโคลพราไมด์ (Metoclopramide) เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) มิฟีพริสโตน (Mifepristone) นาฟซิลลิน (Nafcillin) เนฟาโซโดน (nefazodone) ออกทรีโอไทด์ (octreotide) ออริสแตท (orlistat) ควินูพริสทิน (quinupristin) ดาลโฟพริสทิน (dalfopristin) ยาไรฟามัยซิน (Rifamycin) อย่างไรแฟมพิน (rifampin) หรือไรฟาบูทิน (rifabutin) ยาต้านชักบางชนิด อย่างคาร์บามาเซพีน (Carbamazepine) หรือเฟนิโทอิน (phenytoin) สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ท (St. John’s wort) เทลาพริเวียร์ (telaprevir) ทิโคลพิดีน (Ticlopidine) และอื่นๆ
ยานี้อาจชะลอการกำจัดยาอื่นออกจากร่างกายซึ่งส่งผลประทบต่อการทำงานของยานั้นได้ เช่น อะลิสคิเรน (Aliskiren) แอมบริเซนแทน (ambrisentan) ไดจอกซิน (digoxin) โดรเนดาโรน (dronedarone) รีพาไกลไนด์ (Repaglinide) โทลเทโรดีน (tolterodine) ยาในกลุ่มสแตติน (statins) อย่างอะทอร์วาสแตติน (atorvastatin) โลวาสแตติน (lovastatin) พิทาวาสแตติน (pitavastatin) โรซูวาสแตติน (rosuvastatin) ซิมวาสแตติน (simvastatin) ยากดภูมิคุ้มกันอื่นๆ เช่นอะซาไธโอพรีน (azathioprine) เมโธเทรกเซท (methotrexate) ไซโรลิมัส (Sirolimus) และอื่นๆ
อย่าใช้สารทดแทนเกลือที่มีโพแทสเซียมขณะที่ใช้ยานี้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยาไซโคลสปอรินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาไซโคลสปอรินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะ – ป้องกันการต่อต้าน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อโรคลำไส้อักเสบชนิดมีแผล (Ulcerative Colitis) – มีอาการ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะ – ป้องกันการต่อต้าน
ความแรงและรูปแบบของยา มีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
อาการของการใช้ยาเกินขนาดมีดังนี้
หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็นสองเท่า
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย
เภสัชกรพิมพ์จิต วัฒนชโนบล
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย