backup og meta

เปิดตำรา ให้คำแนะนำผู้ป่วยสำหรับ หัตถกรรมไส้ติ่งอักเสบ

เขียนโดย แพทย์หญิงเบ็ญจาพร นิมิตรวานิช · สุขภาพ · โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา


แก้ไขล่าสุด 17/07/2020

    เปิดตำรา ให้คำแนะนำผู้ป่วยสำหรับ หัตถกรรมไส้ติ่งอักเสบ

    หากใครทราบว่าตนเองมีอาการป่วยเป็นโรคไส้ติ่งอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเร็วที่สุด เพราะถ้าหากปล่อยไว้ไม่ทำการรักษาอาจร้ายแรงจนทำให้ไส้ติ่งแตกและนำมาซึ่งการเสียชีวิตได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาเปิดตำราให้คำแนะนำผู้ป่วยสำหรับ หัตถกรรมไส้ติ่งอักเสบ กันค่ะ เพื่อให้ผู้ป่วยมีความรู้เบื้องต้นในตัวโรคและการรักษา

    การวินิจฉัยผู้ป่วยโรคไส้ติ่งอักเสบ

    ไส้ติ่งในคนทั่วไปมีขนาดประมาณ 0.5 ซม. x 5 ซม. หรือขนาดอาจแตกต่างกันไป  เมื่อมีอะไรก็ตามมาอุดด้านในไส้ติ่ง จะทําให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ ส่วนใหญ่ ก็จะเป็นก้อนอุจจาระที่แข็งก้อนเล็กๆ โรคไส้ติ่งอักเสบ เป็นโรคที่ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน พบได้บ่อยทั้งในผู้ใหญ่ และเด็กโดยมีอาการดังนี้

    • ปวดท้อง : โดยเริ่มแรกอาจจะปวดรอบๆ สะดือ ลักษณะปวดตื้อๆ  ต่อมาย้ายมาปวดมากขึ้นที่ท้องน้อยด้านขวา
    • อาการอื่นๆ ที่อาจตรวจพบร่วมด้วย  :  คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือบางรายอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
    • ไข้ : ในระยะเริ่มแรกอาจจะไม่มีไข้ ต่อมาเมื่อมีการอักเสบนานขึ้นก็อาจมีไข้ได้

     วิธีการวินิจฉัยโดยแพทย์

    การตรวจร่างกาย

    • โดยกดที่ท้องน้อยด้านขวาแล้วมีอาการเจ็บมากขึ้น เมื่อแพทย์ปล่อยมือขึ้นจากหน้าท้อง

    การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ 

    • ตรวจเลือด เพื่อดูจํานวนเม็ดเลือดขาว ซึ่งจะสูงขึ้นในรายที่มีการอักเสบ หรือ ติดเชื้อ
    • ตรวจปัสสาวะ เพื่อ ตรวจหาสภาวะผิดปกติของทางเดินปัสสาวะ ซึ่งมีอาการคล้ายไส้ติ่งอักเสบ เช่น นิ่วในท่อไตกรวยไตอักเสบ

     การเอ็กซเรย์

    • การทําอัลตราซาวน์ (Ultrasound) เพื่อตรวจหาความผิดปกติในช่องท้อง สามารถพบขนาดไส้ติ่งที่ผิดปกติ หรือมีภาวะการอักเสบได้
    • การทําเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ในกรณีที่การทําอัลตราซาวน์ไม่ชัดเจน ซึ่งสามารถตรวจพบความผิดปกติอื่นๆ

    อีกได้

    วัตถุประสงค์ของการทำหัตถการ

    ป้องกันการเกิดฝีในท้อง (Abscess)  ช่องท้องอักเสบ (Peritonitis) หรือเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis)

    วิธีรักษาผู้ป่วยสำหรับ หัตถกรรมไส้ติ่งอักเสบ 

    การรักษาไส้ติ่งอักเสบ

    • ในรายที่อาการชัดเจน แนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดโดยด่วนหลังจากเตรียมผู้ป่วยให้พร้อม และเหมาะสมต่อการให้ยาสลบ
    • ในรายที่อาการไม่ชัดเจน แต่สงสัยว่าอาจเป็นโรคนี้ ให้รับตัวไว้สังเกตอาการในโรงพยาบาล เพื่อติดตาม และประเมินอาการ อย่างใกล้ชิด โดยงดน้ำและอาหาร และอาจใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
    • ในรายที่มีอาการมาหลายวัน หรือ พบก้อนบริเวณท้องน้อยขวา และมีข้อบ่งชี้ว่าน่าจะเป็นหนองไส้ติ่ง (Appendiceal phlegmon หรือ  Abcess) ควรรักษาโดยวิธีประคับประคอง โดยการให้ยาปฏิชีวนะ ถ้าอาการปวดท้องดีขึ้น หรือก้อนมี ขนาดเล็กลง ก็สามารถให้การผ่าตัดได้หลังจากนั้น  6 สัปดาห์- 3 เดือน หรืออาจพิจารณาผ่าตัดไส้ติ่งออกเลย ขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจของศัลยแพทย์

    การรักษาโดยการผ่าตัด

    • วิธีการผ่าตัดแบบมาตราฐาน โดยจะผ่าตัดเป็นแผลเล็กๆ ขนาดยาว 2- 3 ซม. บริเวณท้องน้อยด้านขวา ถ้าไส้ติ่งอยู่ใน ตําแหน่งผิดปกติหรือผู้ป่วยอ้วน แผลผ่าตัดอาจจะยาวขึ้นได้
    • วิธีการส่องกล้องผ่าตัด โดยการผ่าตัดผ่านกล้อง ที่สอดทางหน้าท้องด้านขวา หลังการผ่าตัดจะมีรอยที่เกิดจากการสอดเครื่องมือประมาณ 3 จุด

    โอกาสความสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยสำหรับ หัตถกรรมไส้ติ่งอักเสบ

    • โดยทั่วไปการผ่าตัดจะได้ผลเกือบ 100%

    ทางเลือกอื่นๆ

    • ไม่มี

    การพักฟื้น/ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

    • โดยทั่วไปหลังการผ่าตัดผู้ป่วย ไส้ติ่งอักเสบ จะนอนพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลประมาณ 2-3 วัน ขึ้นอยู่กับอาการ

     ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ได้รับการผ่าตัด/การรักษา

    • ถ้าหากผู้ป่วยเป็นไส้ติ่งแล้วไม่ได้รับการผ่าตัดก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น เกิดฝีในท้อง (Abscess) ช่องท้องอักเสบ (Peritonitis)  หรือเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด  (Sepsis)  ซึ่งอัตราการตายจะสูงมากขึ้น  โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน

    คำแนะนำการปฏิบัติตัวก่อนและหลังเข้าการรักษา 

    • งดน้ำและ อาหาร ตามแผนการรักษาของแพทย์
    • หากมีอาการปวดแผลสามารถแจ้งเพื่อรับยาแก้ปวด และใช้มือหรือหมอนประคองแผลเวลาไอ จาม หรือเมื่อมีการ เคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อลดการกระเทือนของแผล ที่นำมาสู่อาการปวดแผล
    • ผู้ป่วยจะได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดในขณะที่ไม่ได้รับประทานอาหาร
    • การรับประทานอาหารจะเริ่มจากการจิบน้ำ รับประทานอาหารเหลว รับประทานโจ๊ก หรืออาหารอ่อน  รับประทานอาหารได้ ตามปกติภายในเวลา 7  วัน
    • ระยะพักรักษาในโรงพยาบาล ขึ้นกับอาการของผู้ป่วยแต่ละราย โดยปกติประมาณ 2 – 3 วัน
    • สามารถปฏิบัติภารกิจตามปกติได้หลังผ่าตัด ประมาณ 7  วัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    เขียนโดย

    แพทย์หญิงเบ็ญจาพร นิมิตรวานิช

    สุขภาพ · โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา


    แก้ไขล่าสุด 17/07/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา