backup og meta

น้ำมันอะโวคาโด กับ 10 คุณประโยชน์สุดเจ๋งต่อสุขภาพกายและผิวพรรณ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ศศวัต จันทนะ · แก้ไขล่าสุด 25/01/2024

    น้ำมันอะโวคาโด กับ 10 คุณประโยชน์สุดเจ๋งต่อสุขภาพกายและผิวพรรณ

    เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า อะโวคาโด (Avocado) เป็นหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่มีคุณค่าทางอาหารมากมาย แต่นอกเหนือจากอะโวคาโดในรูปแบบของผลไม้แล้ว อะโวคาโดในรูปแบบของ น้ำมันอะโวคาโด ก็เป็นหนึ่งในสุดยอดน้ำมันธรรมชาติ ที่มีข้อดีสารพัดสำหรับร่างกายทั้งภายในและภายนอก อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง ตาม Hello คุณหมอ ไปอ่านกันเลยค่ะ

    10 ประโยชน์ของ น้ำมันอะโวคาโด

    1. ช่วยลดคอเลสเตอรอล

    เกือบร้อยละ 70 ของ น้ำมันอะโวคาโด อุดมด้วยกรดโอเลอิก (Oleic Acid) ที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งดีต่อสุขภาพ มีงานวิจัยพบว่า ช่วยลดคอเลสเตอรอล ทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น และก็ช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) พร้อมกับการศึกษาในหนูพบว่า อาจช่วยลดไตรกลีเซอไรด์และไขมันที่ไม่ดี หรือ LDLด้วย

    2. บำรุงดวงตา

    อีกหนึ่ง สรรพคุณ ของ น้ำมันอโวคาโด คืออุดมด้วยลูทีน (Lutein) เป็นแคโรทินอยด์ชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประโยชน์ต่อดวงตา ร่างกายเราผลิตลูทีนไม่ได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

    3. เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร

    สารอาหารบางอย่างต้องการไขมัน เพื่อการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะแคโรทีนอยด์จากพืชที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งพบในเม็ดสีของพืชหลายชนิด แต่ผักผลไม้ที่อุดมด้วยแคโรทีนอยด์มักจะมีไขมันต่ำ การวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าการใส่น้ำมันอะโวคาโดในสลัด จะช่วยเพิ่มการดูดซึมของแคโรทีนอยด์จากผักเหล่านี้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสลัดที่ไม่ได้ใส่น้ำมันอะโวคาโด

    4. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

    อะโวคาโด ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในห้าผลไม้ที่มีวิตามินอีสูงสุด ซึ่งไขมันที่ละลายในน้ำชนิดนี้ช่วยทำให้ผิวดูดีขึ้น ช่วยเรื่องสุขภาพตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย และทำให้การย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

    ถ้าคุณมีอาการกรดไหลย้อนบ่อยๆ มีแก๊สในท้อง หรือท้องอืดเป็นประจำ อาจมาจากการย่อยอาหารที่ไม่ดี ลองเติมน้ำมันอะโวคาโดเข้าไปในอาหารเพื่อช่วยแก้ปัญหา เพราะวิตามิน แร่ธาตุ และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    โดยปกติแล้ว ร่างกายของเราจะดูดซึมวิตามินอีและสารอาหารส่วนใหญ่ จากการรับประทานอาหารได้มีประสิทธิภาพมากกว่าจากอาหารเสริม

    5. ล้างพิษในร่างกาย

    น้ำมันอะโวคาโดอุดมด้วยคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ที่เป็นแหล่งของแมกนีเซียม และเป็นหนึ่งในสารธรรมชาติที่ช่วยในการขจัดโลหะหนักออกจากร่างกาย เช่น ตะกั่ว สารปรอท ที่เป็นของเสียจากตับ ไต และอวัยวะอื่นของร่างกาย

    โมเลกุลของคลอโรฟิลล์มีอนุภาคของแมกนีเซียมที่จะปล่อยออกมาได้เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด อย่างเช่นในร่างกายมนุษย์ เมื่อไม่มีแมกนีเซียมที่ถูกปล่อยออกมา คลอโรฟิลล์ก็จะดึงเอาอนุภาคของโลหะเข้าไปแทนที่ และขับออกมาจากร่างกายทางอุจจาระ จับคู่น้ำมันอะโวคาโดกับสลัดหรืออาหารผักอื่น เพื่อเพิ่มพลังของคลอโรฟิลล์ในการขับสารพิษ

    6. ทำให้ผิวแข็งแรง

    นอกจากบำรุงร่างกายจากภายในแล้ว ก็สามารถบำรุงจากภายนอกได้เช่นกัน โดยในการใช้น้ำมันอะโวคาโดทาลงบนผิว จะช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่า เนื่องจาก วิตามินอี โพแทสเซียม และเลซิติน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในน้ำมัน สามารถดูดซึมผ่านเข้าไปในผิวชั้นนอก เข้าสู่ผิวชั้นใน ช่วยสร้างพลังงานให้ผิว และทำให้เซลล์ผิวใหม่เติบโตเร็วขึ้น

    7. ลดอาการอักเสบและคันของผิว

    เนื่องจากปริมาณของกรดโอเลอิกที่มีคุณสมบัติต้านอักเสบ น้ำมันอะโวคาโดที่เอามาทาบนผิว จึงสามารถช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายทั้งหลายแหล่ของผิวได้ เช่น อาการคัน ผิวแตก ส้นเท้าแตก ผิวไหม้แดด ผิวหนังอักเสบ และสะเก็ดเงิน แต่เนื่องจากเราทุกคนมีปฏิกิริยาต่อน้ำมันธรรมชาติไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก่อนใช้ก็ควรทาลงบนผิวในบริเวณเล็กๆ เพื่อทดสอบอาการแพ้ดูก่อนที่จะใช้จริง เพื่อป้องกันอาการระคายเคืองในบริเวณกว้าง

    8. น้ำมันอะโวคาโด ทำให้แผลหายเร็วขึ้น

    เนื่องจากกรดไขมันในน้ำมันอะโวคาโด การศึกษาชิ้นหนึ่งในคนไข้ 13 คน พบว่า ครีมที่มีส่วนผสมของน้ำมันอะโวคาโดและวิตามินบี 12 ช่วยทำให้อาการของโรค สะเก็ดเงิน ดีขึ้นหลังจากใช้ไป 12 สัปดาห์ และยังมีการศึกษาที่พบว่า น้ำมันอะโวคาโดช่วยเยียวยาผิวหนังที่บาดเจ็บได้ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

    9. ทำให้ผมยาวเร็วขึ้นและแข็งแรงขึ้น

    สารอาหารในน้ำมันอะโวคาโด เหมาะอย่างมากสำหรับการบำรุงผมเช่นกัน ลองใช้น้ำมันอะโวคาโดหมักผม หรือเอาไปผสมกับน้ำมันหอมระเหยอื่นมีประโยชน์ต่อผมและหนังศีรษะ ก่อนทาลงบนเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้ผมดูดีและแข็งแรงขึ้น เส้นผมจึงยาวเร็วขึ้น

    10 ใช้ปรุงอาหารได้ดี เพราะเป็นน้ำมันที่มีจุดการเกิดควันสูง

    ความร้อนจากการปรุงอาหารไม่เพียงแต่จะทำลายสารอาหารในน้ำมัน แต่มันยังทำให้เกิดสารประกอบอันตรายขึ้นมาด้วยนั่น ก็คือ สาร AGE(Advance glycation end products) ซึ่งได้รับการยืนยันว่าทำให้ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็ง มีส่วนอย่างมากในการทำให้เกิดการอักเสบ และทำให้ผิวแก่ลง

    น้ำมันอะโวคาโดบริสุทธิ์ เป็นน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูงกว่าน้ำมันอื่น (รองลงมาคือน้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันคาโดนล่า น้ำมันมะกอกแบบเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิน และน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์) เหตุผลที่น้ำมันอะโวคาโดทนความร้อนได้สูง เพราะมีไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (polyunsaturated fat) ในปริมาณต่ำ เนื่องจากไขมันนี้ไม่ค่อยเสถียรและทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้ง่าย (Oxidation)

    วิธีการใช้ น้ำมันอะโวคาโด

    • เหยาะลงไปในสมูธตี้ของคุณ
    • ใส่ในสลัด ใช้แทนน้ำสลัดได้ดี
    • ใช้หมักเนื้อที่จะทำอาหาร
    • ใช้เป็นน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร

    ข้อควรระวังในการใช้ น้ำมันอะโวคาโด

    อะโวคาโดค่อนข้างจะปลอดภัย สำหรับคนส่วนใหญ่ในการรับประทานเป็นอาหาร หรือในการรับประทานเป็นยา อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้มากพอ ในเรื่องความปลอดภัยของการกินอะโวคาโดเป็นยา ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยให้กินเป็นอาหารพอ

    นอกจากนี้ในคนที่มีอาการแพ้ยาง (Latex) อาจจะไม่สามารถทนต่ออะโวคาโดหรือน้ำมันอะโวคาโดได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่แพ้ยางแล้วจะแพ้อะโวคาโด เพราะอาการแพ้อะโวคาโดนั้นจัดเป็นอาการแพ้ที่พบได้ยาก อย่างไรก็ตาม คนที่แพ้ยางควรระมัดระวังในการบริโภคอะโวคาโด และปรึกษาหมอเพิ่มเติมหากต้องการใช้น้ำมันอะโวคาโด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ศศวัต จันทนะ · แก้ไขล่าสุด 25/01/2024

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา