เออร์กอท (Ergot) อีกหนึ่งสมุนไพรที่มักถูกนำมาใช้เพื่อรักษาการมีเลือดออกมากในช่วงมีประจำเดือนระยะแรก และระยะใกล้หมดประจำเดือน หรือก่อนและหลังการแท้งบุตร
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
เออร์กอท (Ergot) อีกหนึ่งสมุนไพรที่มักถูกนำมาใช้เพื่อรักษาการมีเลือดออกมากในช่วงมีประจำเดือนระยะแรก และระยะใกล้หมดประจำเดือน หรือก่อนและหลังการแท้งบุตร
เออร์กอท (Ergot) เป็นเชื้อราที่เจริญเติบโตในข้าวไรย์และข้าวสาลี ยังมีข้อสงสัยเรื่องความปลอดภัยในการใช้เออร์กอทอย่างมาก
ทั้งนี้สมุนไพรชนิดนี้มักถูกนำมาใช้เป็นยาสำหรับสตรีเพื่อรักษาการมีเลือดออกมากในช่วงมีประจำเดือนระยะแรก และระยะใกล้หมดประจำเดือน หรือก่อนและหลังการแท้งบุตร เออร์กอทยังใช้หลังจากคลอดเพื่อชะล้างรกและมดลูก
งานวิจัยเกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของเออร์กอทยังมีไม่มากพอ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร แต่เป็นที่ทราบว่า เออร์กอทมีสารเคมีที่ช่วยลดการตกเลือดได้ โดยทำให้หลอดเลือดหดตัวลง
การใช้เออร์กอทอาจไม่ปลอดภัย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต้องมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
การใช้เออร์กอท อาจยังไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแล เภสัชกรหรือนักสมุนไพรศาสตร์ หากว่า :
การตั้งครรภ์และให้นมบุตร : ไม่ปลอดภัยที่จะใช้เออร์กอทเพราะอาจเป็นอันตรายในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร
โรคหัวใจ : เออร์กอททำให้หลอดเลือดหดตัวลงและทำให้โรคหัวใจรุนแรงยิ่งขึ้น
โรคไต : คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับไตไม่สามารถขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีพอ เออร์กอทเพิ่มความเสี่ยงจากการเป็นพิษให้มากยิ่งขึ้นได้
โรคตับ : คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับจะไม่สามารถขจัดเออร์กอทออกจากร่างกายได้ดีพอ และเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นพิษจากเออร์กอทให้รุนแรงยิ่งขึ้น
เส้นเลือดขอดที่ขาและเท้า : เออร์กอทสามารถทำให้หลอดเลือดแคบลงและทำให้อาการนี้รุนแรงยิ่งขึ้น
ข้อปฏิบัติในการใช้สารนั้นมีความเข้มงวดที่น้อยกว่าการใช้ยารักษาโรค จำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อรับรองความปลอดภัย ซึ่งการจะใช้ประโยชน์ของสารต่างๆ นั้นต้องศึกษาความเสี่ยงก่อนใช้และควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับแพทย์ผู้ดูแลหรือนักสมุนไพรศาสตร์ก่อน
การใช้เออร์กอทมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดพิษและอาจส่งผลร้ายแรง ซึ่งอาการเริ่มแรกของการเป็นพิษ ได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดกล้ามเนื้อ ชา และหัวใจเต้นเร็วหรือช้า
อาการแพ้พิษเออร์กอท คือ เนื้อตายเน่า ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น สับสน ชักหมดสติและตาย ในผู้ป่วยบางราย อาจมีผลข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ได้ระบุไว้ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลข้างเคียงใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์
เออร์กอทมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้ร่วมอยู่หรือพยาธิสภาพปัจจุบันของคุณ ควรปรึกษากับแพทย์ของคุณก่อนใช้ยา
ผลิตภัณฑ์ที่อาจมีปฏิกิริยากับเออร์กอท ได้แก่
เออร์กอทสามารถเพิ่มสารเคมีในสมองที่เรียกว่า เซโรโทนินและยาสำหรับรักษาภาวะซึมเศร้ามีเซโรโทนินด้วยเช่นกัน การใช้ยาลดความอ้วนควบคู่ไปกับยาเหล่านี้ อาจทำให้ภาวะซึมเศร้ารุนแรงขึ้น เนื่องจาก เออร์กอทมีมากเกินไป ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง เช่น ปัญหาหัวใจ การสั่น และความวิตกกังวลสูง ห้ามรับประทานยาแก้ปวดเมื่อยในขณะกินยาลดความอ้วน ยาต่อไปนี้ใช้สำหรับภาวะซึมเศร้า ได้แก่ ฟลุกโซเซทีน (Fluoxetine) หรือโพรแซกส์ (Prozac), พาโรเซทีน (Paroxetine) หรือแพกซิล (Paxil), เซอร์ทราไลน์ (Sertraline) โซลอฟท์ (Zoloft), แอมิทริปติไลน์ (Amitriptyline) หรือเอลาวิล (Elavil), คลอมิพราไมน์ (Clomipramine) หรืออะนาฟรานิล (Anafranil), อิมิพราไมน์ (Imipramine) หรือโทฟรานิล (Tofranil) และอื่น ๆ
เออร์กอทเพิ่มเซโรโทนินซึ่งเป็นสารเคมีในสมอง ยาบางชนิดที่ใช้ในภาวะซึมเศร้ายังช่วยเพิ่มเซโรโทนิน การใช้ยาลดความอ้วนกับยาเหล่านี้ที่ใช้ในภาวะซึมเศร้าอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง ได้แก่ ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ การสั่น และความวิตกกังวล ยาบางชนิดที่ใช้ในภาวะซึมเศร้า ได้แก่ ฟีเนลไซน์ (Phenelzine) หรือนาร์ดิล (Nardil), ทรานิลไซโพรไมน์ (Tranylcypromine) หรือพาร์เนท (Parnate) และอื่น ๆ
เออร์กอทช่วยเพิ่มเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารเคมี ในสมอง การใช้เออร์กอทร่วมกับเดกซ์โตรเมโธร์ฟาน (Dextromethorphan) หรือโรบิทูสซิน ดีเอ็มอาจทำให้เซโรโทนินในสมองมีมากเกินไป และเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง เช่น ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ อาการสั่น และความวิตกกังวล ไม่ควรรับประทานเออร์กอทควบคู่กับเดกโทรเมธอร์ฟานหรือโรบิทูสซิน ดีเอ็มหรืออื่นๆ
เออร์กอทมีสารเคมีเช่นเดียวกับอนุพันธ์ของเออร์กอท ในยาตามใบสั่งแพทย์ การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มี อนุพันธ์เออร์กอททำให้เกิดผลข้างเคียงยิ่งขึ้น อนุพันธ์ของเออร์กอทเหล่านี้ ได้แก่ โบรโมคริปไทน์ (Bromocriptine) พาร์โลเดล (Parlodel), ดีไฮโดรเออร์โกทามีน (Dihydroergotamine) หรือมิกราเนล (Migranal) หรือดีเอชอี-45 (DHE-45), เออร์โกทามีน (Ergotamine) หรือคาเฟอร์กอท (Cafergot) และเพอร์โกไลด์ (Pergolide) หรือเพอร์แมกซ์ (Permax)
ยาบางตัวสามารถถูกทำลายโดยตับ การใช้เออร์กอทร่วมด้วยยิ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงเร็วยิ่งขึ้น ได้แก่ อะมิโอดาโรน (Amiodarone) หรือคอร์ดาโรน (Cordarone), คลาริโธรมายซิน (Clarithromycin) ไบแอกซิน (Biaxin), ดิลทิอาเซม (Diltiazem) หรือคาร์ดิเซม (Cardizem), เอริโธรมายซิน (Erythromycin) หรืออี-มายซิน (E-mycin), เอรีโธรซิน (Erythrocin), อินดินาเวียร์ (Indinavir) หรือคริซิวาน (Crixivan), ริโทนาเวียร์ Ritonavir) หรือนอร์เวียร์ (Norvir), ซาควินาเวียร์ (Saquinavir) หรือฟอร์โทวาส (Fortovase) หรืออินวิเรส (Invirase) และอื่น ๆ
เออร์กอทเพิ่มสารเคมีในสมองที่เรียกว่าเซโรโทนินการใช้เออร์กอทควบคู่กับเมเพอริดีนหรือเดเมรอลอาจเพิ่มปริมาณเซโรโทนินจำนวนมากเกินไปในสมอง และเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง เช่น ปัญหาการเต้นของหัวใจ การสั่น และความวิตกกังวล
เออร์กอทเพิ่มสารเคมีในสมองที่เรียกว่าเซโรโทนิน การใช้เออร์กอทควบคู่กับเพนตาโซซินหรือทาลวินอาจเพิ่มปริมาณเซโรโทนินจำนวนมากเกินไปในสมอง และเกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง เช่น ปัญหาการเต้นของหัวใจ การสั่น และความวิตกกังวล ควรหยุดใช้เออร์กอท ถ้าต้องใช้เพนตาโซซินหรือทาลวิน
ยากระตุ้นระบบประสาททำให้มีความเร่งระบบประสาทให้รู้สึกกระวนกระวาย และเร่งการเต้นของหัวใจ เออร์กอท มีคุณสมบัตินั้นเช่นกัน การใช้เออร์กอทควบคู่กับยากระตุ้นอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรง เช่น อัตราการเต้นหัวใจเพิ่มสูงขึ้น และความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงการใช้เออร์กอทพร้อมกับยากระตุ้น เช่น ไดเอธิลโพรพิโอน (Diethylpropion) หรือเทนูเอท (Tenuate), เอพิเนฟริน (Epinephrine), เฟนเทอร์ไมน์ (Phentermine) หรือโลนามิน (Lonamin), ซูโดเอฟริดรีน (Pseudoephedrine) หรือซูดาเฟด (Sudafed) และอื่น ๆ
ทรามาโดลหรืออุลแทรมอาจส่งผลต่อสารเคมีในสมองที่เรียกว่าเซโรโนนิน การใช้เออร์กอทร่วมกับทรามาโดล หรืออุลแทรมอาจทำให้เซโรโทนินในสมองมีมากเกินไป และเกิดผลข้างเคียง เช่น เกิดอาการกระสับกระส่าย ระคายเคือง กล้ามเนื้อแข็งเกร็งและผลข้างเคียงอื่นๆ
ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
ปริมาณการใช้เออร์กอทอาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพและพยาธิสภาพอื่นๆ การใช้เออร์กอทไม่ปลอดภัยเสมอไป โปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเพื่อทราบปริมาณการใช้ที่เหมาะสม
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย