backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

โสมไซบีเรีย (Siberian-Ginseng)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Ploylada Prommate · แก้ไขล่าสุด 12/05/2020

โสมไซบีเรีย (Siberian-Ginseng)

การใช้ โสมไซบีเรีย

โสมไซบีเรีย (Siberian ginseng) ใช้ทำอะไร?

โสมไซบีเรีย (Siberian-Ginseng) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อิลิวเธโร (Eleuthero) มีการใช้มานานหลายศตวรรษในประเทศแถบตะวันออก รวมทั้งจีนและรัสเซีย เพื่อรักษาโรคหรืออาการต่อไปนี้:

  • ความดันโลหิตสูง
  • ความดันโลหิตต่ำ
  • โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (atherosclerosis)
  • ไข้รูมาติก
  • โรคไต
  • โรคอัลไซเมอร์
  • สมาธิสั้น (ADHD)
  • อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง
  • โรคเบาหวาน
  • ไฟโบรมัยอัลเจีย (fibromyalgia)
  • โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • ไข้หวัดใหญ่
  • โรคหวัด
  • โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง
  • วัณโรค
  • ปัญหาการนอนหลับ (นอนไม่หลับ)
  • บรรเทาผลข้างเคียงของเคมีบำบัดมะเร็ง
  • การติดเชื้อเริมชนิดที่ 2

นอกจากนี้ยังมีการนำโสมไซบีเรียมาใช้เพื่อปรับปรุงสมรรถภาพในการเล่นกีฬา, เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยลดอาการเบื่ออาหาร

โสมไซบีเรียอาจมีคุณประโยชน์ในด้านอื่นๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแพทย์หรือเภสัชกรของท่าน

โสมไซบีเรียทำงานอย่างไร?

ยังมีการศึกษาค้นคว้าไม่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของโสมไซบีเรีย กรุณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่า โสมไซบีเรียมีประโยชน์ในการรักษาโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

  • การศึกษาแบบ Double-blind พบว่าโสมไซบีเรียและฟ้าทะลายโจร ช่วยลดความรุนแรงของโรคหวัดเมื่อเริ่มมีอาการ 72 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี นักวิจัยยังไม่ทราบว่าเป็นเพราะโสมไซบีเรียหรือว่าเพราะฟ้าทลายโจร หรืออาจเป็นทั้งสองอย่าง
  • มีการศึกษาชิ้นหนึ่งได้ทำการเปรียบเทียบโสมไซบีเรียกับอะแมนตาดีน ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดบางประเภท พบว่า คนที่เป็นไข้หวัดใหญ่ที่ได้รับโสมไซบีเรีย สามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าผู้ที่รับประทานอะแมนตาดีน
  • การศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง พบว่า กลุ่มคนที่มีสุขภาพดีที่ใช้โสมไซบีเรียนาน 4 สัปดาห์ขึ้นไป จะมี T-cells มากขึ้น ซึ่งบ่งบอกว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายนั้นแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น

โสมไซบีเรียกับการติดเชื้อไวรัสเริม

  • การศึกษาแบบ Double blind: จากผลการสำรวจคนที่ติดเชื้อเริมชนิดที่ 2 จำนวน 93 คน  พบว่าการใช้โสมไซบีเรียช่วยลดจำนวนการระบาดของโรคเริมได้

โสมไซบีเรียกับสมรรถภาพทางจิต

  • โสมไซบีเรียช่วยเพิ่มความจำ เมื่อเทียบกับกลุ่มทดลองที่ได้รับยาเพิ่มความจำชนิดอื่น หรือยาหลอก

โสมไซบีเรียกับสมรรถภาพทางกาย

  • โสมไซบีเรียมักถูกกล่าวว่า ใช้เพื่อปรับปรุงสมรรถภาพในการเล่นกีฬาและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

โสมไซบีเรียต่อคุณภาพชีวิต

โสมไซบีเรียทำให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นหลังจากการรักษาด้วยการบำบัด 4 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับตัวยาชนิดอื่นหรือยาหลอก แต่หลังจาก 8 สัปดาห์นั้น พบว่าประสิทธิภาพเริ่มลดลง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ควรรู้อะไรก่อนที่จะใช้โสมไซบีเรีย?

ควรปรึกษากับแพทย์, เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรถ้ามีอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:

  • กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
  • อยู่ในระหว่างการใช้ยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
  • มีอาการแพ้สารใดๆที่มีสารประกอบของโสมไซบีเรียผสมยู่ หรือยาและสมุนไพรอื่นๆ
  • มีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่นๆ
  • มีอาการแพ้ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูด หรือเนื้อสัตว์

ข้อบังคับสำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อบังคับของการใช้ยา จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยในการใช้ ประโยชน์ของการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารนี้จะต้องมีค่าน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

โสมไซบีเรียปลอดภัยแค่ไหน?

เด็ก: ห้ามใช้โสมไซบีเรียกับเด็ก

หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร: ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าการบริโภคโสมไซบีเรียขณะตั้งครรภ์มีความปลอดภัยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ควรอยู่ในด้านความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรโดยที่ไม่ได้ปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงจากโสมไซบีเรีย มีอะไรบ้าง?

ผลข้างเคียงเหล่านี้ ได้แก่

  • ความสับสน
  • อาการง่วงนอน
  • อาการปวดหัว
  • ความดันโลหิตสูง
  • โรคนอนไม่หลับ
  • หัวใจเต้นผิดปกติ
  • เลือดกำเดาไหล
  • อาเจียน

ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน อย่างไรก็ตาม อาจเกิดผลข้างเคียงอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์หากกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น

ปฏิกิริยาระหว่างยา

ปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ยาอื่นร่วมกับโสมไซบีเรีย

**โสมไซบีเรียอาจมีปฏิกิริยากับยาหรือภาวะทางการแพทย์ในปัจจุบันของท่าน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้สมุนไพรเสมอ

ภาวะทางการแพทย์หรือผลิตภัณฑ์ยาเหล่านี้ ได้แก่

  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants):

โสมไซบีเรียอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออกในปริมาณมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน (aspirin), วาร์ฟาริน (warfarin) หรืออีกชื่อคือ คูมาดิน (coumadin), โคลพิโดเกรล (clopidogrel) หรืออีกชื่อคือ พลาวิกซ์ (Plavix)

  • คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เช่น เพรดนิโซน (prednisone):

โสมไซบีเรียอาจมีปฏิกิริยากับสเตียรอยด์

  • ไดจอกซิน (Digoxin):

โสมไซบีเรียอาจเพิ่มระดับไดจอกซินในเลือด ยานี้ใช้ในการรักษาโรคหัวใจ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้

  • ยารักษาโรคเบาหวาน:

โสมไซบีเรียอาจลดระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มความเสี่ยงของภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ

  • ลิเธียม (Lithium):

โสมไซบีเรียอาจทำให้ร่างกายกำจัดลิเธียมยากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เป็นอันตรายได้

  • ยากดภูมิคุ้มกัน:

โสมไซบีเรียอาจเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและอาจมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้ในการรักษาโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (autoimmune) หรือยาที่รับประทานหลังจากการปลูกถ่ายอวัยวะ

  • ยาระงับประสาท:

โสมไซบีเรียอาจทำให้ประสิทธิผลของยาระงับประสาทรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะบาร์บิทูเรต (Barbiturates) บาร์บิทูเรตคือกลุ่มยา ได้แก่ เพนโทบาร์บิทอล (pentobarbital) ซึ่งใช้ในการรักษาอาการนอนไม่หลับหรืออาการชัก

  • ยาอื่นๆ:

โสมไซบีเรียอาจมีปฏิกิริยากับยาที่ถูกแปรสภาพโดยตับ หากท่านใช้ยาเหล่านี้ ให้ปรึกษาแพทย์ของท่านก่อนที่จะใช้โสมไซบีเรีย

ความผิดปกติของเลือด: โสมไซบีเรียมีสารเคมีที่อาจชะลอการแข็งตัวของเลือด หรือในทางทฤษฎีโสมคือไซบีเรียอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือดและช้ำใน โดยเฉพาะคนที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ

โรคหัวใจ: โสมไซบีเรียอาจทำให้หัวใจเต้นรัว หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ และความดันโลหิตสูง คนที่มีความผิดปกติของหัวใจ (เช่น โรคหัวใจรูห์มาติค, หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน(หัวใจวาย)) ควรใช้โสมไซบีเรียภายใต้การดูแลของผู้ให้บริการทางสุขภาพเท่านั้น

โรคเบาหวาน: โสมไซบีเรียอาจเพิ่มหรือลดระดับน้ำตาลในเลือด ในทางทฤษฎีคือโสมไซบีเรียอาจส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดของท่านอย่างระมัดระวัง หากท่านใช้โสมไซบีเรียและมีโรคเบาหวาน

สภาวะที่สำคัญของฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก มะเร็งรังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูก หรือมดลูกในมดลูก:

โสมไซบีเรียอาจทำหน้าที่เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ดังนั้นจึงไม่ควรใช้โสมไซบีเรีย หากท่านมีภาวะทางการแพทย์ เช่น ภาวะการเปิดรับกับฮอร์โมนเอสโตรเจน

ความดันโลหิตสูง: โสมไซบีเรียไม่ควรใช้กับผู้ที่มีความดันโลหิตมากกว่า 180/90

  • ภาวะทางจิต เช่น ความบ้าคลั่งหรือโรคจิตเภท: โสมไซบีเรียอาจทำให้ภาวะเหล่านี้มีอาการแย่ลง

ขนาดยา

ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้เสมอ

ขนาดปกติของการใช้โสมไซบีเรียอยู่ที่เท่าไร?

  • สำหรับการติดเชื้อเริมชนิดที่ 2: สารสกัดจากโสมไซบีเรีย การบรรจุที่ได้มาตรฐานที่มีสารอีเทอโรโซไซด์ อี (eleutheroside E)  0.3% ในขนาด 400 มิลลิกรัม ต่อวัน
  • สำหรับโรคไข้หวัด: โสมไซบีเรียพร้อมกับสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร 400 มิลลิกรัม การบรรจุที่ได้มาตรฐานที่มี แอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide/Kan Jang,/Swedish Herbal Institute) 4-5.6 มิลลิกรัม 3 ครั้งต่อวัน

ขนาดการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารอาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งนี้ ขนาดการใช้ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพและปัจจัยอื่นๆ  ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารไม่ปลอดภัยเสมอไป โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อทราบขนาดที่เหมาะสม

โสมไซบีเรียมีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง?

โสมไซบีเรียอาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้

  • สารสกัดจากของเหลว, สารสกัดจากของแข็ง
  • ผง,แคปซูล และยาเม็ด
  • รากแห้งหรือรากตัดเพื่อนำมาทำเป็นชา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Ploylada Prommate · แก้ไขล่าสุด 12/05/2020

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา