การนินทาทำให้คนในวงสนทนารู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของแวดวงสังคมที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ เป็นที่ยอมรับ และไม่ถูกผลักออกไปเป็นคนนอกกลุ่มซึ่งมักจะเป็นผู้ที่ถูกนินทา นอกจากนี้ การนินทายังเป็นกิจกรรมทางสังคมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด และหากเป็นผู้ที่เปิดบทสนทนาจะทำให้ได้รับความสนใจจากผู้อื่น จึงไม่แปลกหากคนเราจะกระหายที่จะพูดถึงเรื่องของคนอื่นอยู่เสมอเมื่อมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนไกลตัวที่คุ้นเคยอย่างศิลปิน ดารา คนใกล้ตัวอย่างคนในครอบครัว เพื่อนสมัยเรียน เพื่อนบ้าน และแม้แต่เพื่อนร่วมงานก็ตาม
ทั้งนี้ การนินทาเป็นเครื่องมือการสื่อสารทางสังคมที่เป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน การจับกลุ่มพูดคุยกันในลักษณะนี้เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของทุกคน สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ได้ให้คำนิยามของคำว่า นินทา (Gossip) ไว้ว่า “การพูดคุยอย่างเป็นส่วนตัวหรือการสื่อสารข้อมูลที่มักยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง การนินทาอาจเป็นเรื่องที่มีเนื้อหาอื้อฉาวหรือมีเจตนามุ่งร้าย นอกจากนั้น การนินทายังมีประโยชน์ต่อความเป็นสังคมมนุษย์หรือกระบวนการสร้างกลุ่ม (Group process) ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ (Bonding) การส่งต่อบรรทัดฐาน (Norm transmission) การเสริมแรงบรรทัดฐาน (Norm reinforcement)”
บทสนทนาแบบใดที่เรียกว่า นินทา
การนินทามักหรือการพูดถึงผู้อื่นในขณะที่เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น และมักเกิดขึ้นเมื่อใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มทำสิ่งที่คนในกลุ่มคิดว่าแปลกแยกหรือแตกต่างไปจากตัวเอง การนินทาอาจนำไปสู่แพร่ข่าวลือหรือสร้างเรื่องน่าอับอายให้ผู้ที่ถูกนินทาได้ อย่างไรก็ตาม การนินทาอาจไม่ได้หมายถึงแค่เพียงการพูดถึงผู้อื่นลับหลังด้วยการพูดจาให้ร้ายหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงเท่านั้น แต่ยังอาจหมายรวมถึงการแบ่งปันข้อมูลของผู้ที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วย เช่น การพูดถึงเพื่อนร่วมงานที่กำลังจะลาออกไปที่อื่นและแบ่งปันความเห็นเกี่ยวกับเหตุผลในการลาออกก็ถือว่าเป็นการนินทาแล้วเช่นกัน เพียงแต่เป็นการพูดถึงอย่างกลาง ๆ นอกจากนี้ การนินทานั้นมีหลายแง่มุมและไม่ได้เป็นเรื่องไม่ดีไปเสียทั้งหมด มีได้ทั้งการพูดถึงในแง่บวก แง่ลบ และแง่เป็นกลางที่เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางสังคมเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นการพูดถึงในแง่ลบ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย