backup og meta

สัญญาณเตือน ฮอร์โมนเพศชายต่ำ ที่ผู้ชายไม่ควรเพิกเฉย

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย pimruethai · แก้ไขล่าสุด 08/02/2021

    สัญญาณเตือน ฮอร์โมนเพศชายต่ำ ที่ผู้ชายไม่ควรเพิกเฉย

    จากข้อมูลของ Urology Care Foundationราว 4 ใน 10 คน ของผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไป มีปัญหาเรื่องระดับเทสโทสเตอโรนต่ำ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพทางเพศของผู้ชาย แต่นอกเหนือจากอาการทางเพศที่รู้จักกันดีเหล่านี้แล้ว ยังมีอาการเตือนบางอย่างที่คุณอาจไม่ทันคิดว่าเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศชายต่ำ  และนี่คือ สัญญาณเตือน ฮอร์โมนเพศชายต่ำ ที่คุณผู้ชายควรใส่ใจ

    น้ำหนักเพิ่มขึ้นและลดน้ำหนักยาก

    น้ำหนักตัวที่มากขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อเทสโทสเตอโรนได้ เพราะเซลล์ไขมันจะเปลี่ยนเทสโทสเตอโรนเป็นเอสโตรเจน ซึ่งลดการไหลเวียนของเทสโทสเตอโรน ถึงแม้ผู้ชายที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน อาจมีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำได้ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาน้ำหนักขึ้น เพราะเทสโทสเตอโรนต่ำ หรือเทสโทสเตอโรนต่ำเพราะน้ำหนักเกิน แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม นี่ก็เป็นสัญญาณที่พวกเขาไม่ควรเพิกเฉย

    นอกจากนี้ถ้าคุณออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว และก็สงสัยว่าทำไมน้ำหนักส่วนเกินถึงได้ไม่หายไปสักที มันอาจเป็นเพราะเทสโทสเตอโรนของคุณเช่นกัน โดยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Obesity Research & Clinical Practice เมื่อปี 2014 ซึ่งติดตามผู้ชายที่เป็นโรคอ้วน 181 คน พบว่าเมื่อได้รับอาหารเสริมเทสโทสเตอโรน พวกเขาสามารถลดน้ำหนักได้โดยเฉลี่ย 47 ปอนด์ นี่แสดงให้ถึงผลของเทสโทสเตอโรนที่มีต่อการลดน้ำหนักของผู้ชาย

    มีปัญหาการนอนหลับ

    ผู้ชายที่มีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำ อาจพบกับอาการนอนไม่หลับ และมันยังสัมพันธ์กับปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับด้วย ซึ่งโรคนี้สามารถนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์และความจำ

    ถึงแม้ระดับเทสโทสเตอโรนต่ำ ไม่ได้ทำให้เกิดการหยุดหายใจขณะหลับ แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ที่มีปัญหานี้มักมีน้ำหนักเกิน ซึ่งสามารถนำไปสู่ระดับเทสโทสเตอโรนต่ำ สิ่งสำคัญก็คือ ถ้าคู่ของคุณบอกว่าคุณกรน หรือคุณรู้สึกอ่อนเพลียทั้งที่นอนมาตลอดทั้งคืน คุณก็ควรปรึกษาแพทย์

    ความเปลี่ยนแปลงของความจำและความสามารถในการเรียนรู้

    เนื่องจากเทสโทสเตอโรนรับผิดชอบในเรื่องสมาธิ ถ้าฮอร์โมนนี้ต่ำ คุณก็อาจเจออาการสมองล้า ที่ทำให้ไม่สามารถตั้งสมาธิได้ หรือถ้าคุณพบว่าตัวเองไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ดีอย่างเคย หรือลืมโน่นนี่นั่นอยู่บ่อยๆ มันก็อาจไม่ใช่เพียงเพราะคุณแก่ขึ้นก็เป็นได้

    ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่อาจเกี่ยวพันกับผลของเทสโทสเตอโรนต่อกระบวนการรู้คิดก็คือ มันส่งผลต่อความสามารถในการทำงานของร่างกาย ที่เกี่ยวกับการมองเห็นและการเคลื่อนไหว ผลจากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Supportive Care in Cancer เมื่อปี 2014 นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่มีปัญหาฮอร์โมนเพศต่ำจากมะเร็งต่อมลูกหมาก ทำการทดสอบทักษะการมองเห็นและการเคลื่อนไหวได้แย่กว่าผู้ที่ไม่มีปัญหา

    ร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป

    สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่แพทย์มักจะมองหา เพื่อการประเมินปัญหาระดับเทสโทสเตอโรนในผู้ชายก็คือ ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายบางอย่าง นั่นก็คือหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น คณอาจคิดว่า หน้าอกที่ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้น มาจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แต่ที่จริงแล้ว ระดับเทสโทสเตอโรนต่ำทำให้สัดส่วนของเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนในร่างกายไม่สมดุล ทำให้ผู้ชายบางคนอาจมีหน้าอกใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นอาการที่เรียกว่า gynecomastia รวมถึงอาจมีอาการกดเจ็บบริเวณหน้าอกได้ด้วย

    นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงของขนาดอัณฑะ อวัยวะเพศ และต่อมลูกหมาก ซึ่งถึงแม้มันอาจจะเป็นเรื่องน่าอายและทำให้อึดอัดใจ แต่การตรวจสิ่งพวกนี้ก็ให้ข้อมูลได้อย่างมากในเรื่องระดับเทสโทสเตอโรน 

    ความแข็งแรงของกระดูกที่ลดลง

    ถึงแม้มักจะคิดกันว่า โรคกระดูกพรุนส่งผลต่อผู้หญิงเท่านั้น แต่มันก็อาจเป็นปัญหาของผู้ชายที่มีระดับเทสโทสเตอโรนต่ำได้เช่นกัน เนื่องจากมันทำให้ความหนาแน่นของกระดูกลดลง ซึ่งนี่อาจทำให้คุณพบได้ด้วยว่า ส่วนสูงของตัวเองลดลง เนื่องจากมวลกระดูกที่หายไป รวมถึงอาจมีอาการเจ็บปวดข้อต่อ กระดูก หรือกล้ามเนื้อ และอาจทำให้บาดเจ็บได้ง่ายขึ้นด้วย

    อาหารเสริมสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้ โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งได้หอาหารเสริมเทสทอสเทอโรนแก่ผู้ชายวัย 60 และสูงกว่า ที่มีเทสโทสเตอโรนต่ำ เมื่อจบการศึกษา ความหนาแน่นของแร่ธาตุในกระดูกของพวกเขาดีขึ้น งานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Physiology-Endocrinology and Metabolism เมื่อปี 2014 ชี้เช่นนั้น แสดงให้เห็นว่าการรักษาด้วยเทสโทสเตอโรนในผู้ชายสูงอายุสามารถเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกได้อย่างดีในสองบริเวณหลักคือ กระดูกสันหลังส่วนล่างและสะโพก

    เกิดอาการชาหรือปวดปลายประสาท

    เทสโทสเตอโรนและอนุพันธุ์เทสโทสเตอโรนอย่างเช่น DHT ได้แสดงให้เห็นว่า สามารถซ่อมแซมความเสียหายของระบบประสาทนอกส่วนกลาง ซึ่งไม่ใช่ส่วนของสมองหรือกระดูกสันหลังได้ ความเสียหายนี้อาจมาจากเบาหวาน การทำคีโม การบาดเจ็บทางร่างกาย หรือการปวดประสาทเรื้อรัง งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Endocrinology เมื่อปี 2014 ซึ่งสำรวจบทบาทของเทสโทสเตอโรนในการบรรเทาความเสียหายของประสาท นักวิจัยสรุปว่าเทสโทสเตอโรนและสารเมตาบอไลต์ของมัน มีบทบาทสำคัญในการรักษาเส้นประสาท ที่ช่วยป้องกันการชาหรือเจ็บปวดได้

    ผิวมีปัญหา

    เมื่อเทสโทสเตอโรนอยู่ในระดับต่ำ ผิวอาจแห้งลง และอาการของผิวหนังอย่างโรคสะเก็ดเงินก็อาจแย่ลงได้ด้วย เทสโทสเตอโรนต่ำมีบทบาทในการทำให้โรคผิวหนังเรื้อรังแย่ลง โดยผลจากงานวิจัยเมื่อปี 2015 ในวารสาร Journal of Dermatology เมื่อนักวิจัยเปรียบเทียบผู้ชายที่เป็นโรคสะเก็ดเงินกับคนที่ไม่เป็น พวกเขาก็พบว่า คนที่ไม่เป็นโรคมีเทสโทสเตอโรนสูงกว่า

    ผมร่วง

    ถึงแม้การเกิดหัวล้านของผู้ชายอาจเกิดได้จากพันธุกรรม แต่การที่ผมร่วงหรือขนในที่ลับบางลง อาจเป็นสัญญาณของระดับเทสโทสเตอโรนต่ำได้ โดยผลกระทบของเทสโทสเตอโรนต่อเส้นผมและขนในร่างกาย จะเกิดขึ้นเมื่อเทสโทสเตอโรนเปลี่ยนเป็นฮอร์โมนเพศชายอีกตัวหนึ่งที่ชื่อว่า dihydrotestosterone (DHT) ซึ่งจะส่งผลต่อผิว บางทีก็ทำให้เกิดสิว และส่งผลต่อรากขน ทำให้ขนและเส้นผมร่วงได้ง่ายขึ้น

    ถ้าหากคุณสงสัยว่า อาการของคุณอาจเกิดมาจากปัญหาเทสโทสเตอโรน ให้ขอหมอตรวจเทสโทสเตอโรนในเลือด เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะวินิจฉัยได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย pimruethai · แก้ไขล่าสุด 08/02/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา