โกรทฮอร์โมน เป็นฮอร์โมนตามธรรมชาติที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ถึงแม้ร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนเองได้ แต่กระบวนการนี้ก็จะลดลงไปตามวัย ทำให้มีการผลิตโกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ขึ้นมา เพื่อช่วยในการทำงานของร่างกาย แบบเดียวกับโกรทฮอร์โมนตามธรรมชาติ
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
โกรทฮอร์โมน เป็นฮอร์โมนตามธรรมชาติที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ถึงแม้ร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมนเองได้ แต่กระบวนการนี้ก็จะลดลงไปตามวัย ทำให้มีการผลิตโกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ขึ้นมา เพื่อช่วยในการทำงานของร่างกาย แบบเดียวกับโกรทฮอร์โมนตามธรรมชาติ
แต่โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ จะให้ประโยชน์แก่ร่างกายได้แบบเดียวกับโกรทฮอร์โมนตามธรรมชาติจริงหรือไม่ เรามาหาคำตอบจากบทความนี้ของ Hello คุณหมอกันเลย
โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone หรือ GH) เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมใต้สมองส่วนหลังเข้าสู่กระแสเลือด โดยมีฮอร์โมนอีก 2 ชนิดที่หลั่งออกมาจากสมองส่วนไฮโปธาลามัส (hypothalamus) คอยควบคุมการหลั่งโกรทฮอร์โมน การหลั่งโกรทฮอร์โมนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จะหลั่งเป็นระลอกทุก ๆ 3-5 ชั่วโมง โกรทฮอร์โมนจะมีมากในตอนที่เป็นเด็ก มากที่สุดในช่วงวัยรุ่น และลดลงในวัยกลางคน
โกรทฮอร์โมนจะออกฤทธิ์โดยตรงต่ออวัยวะต่าง ๆ หรือออกฤทธิ์ทางอ้อมโดยผ่านเปปไทด์ฮอร์โมนที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลิน หรือ IGF-1 (insulin-like growth factor-1)
โกรทฮอร์โมนทำหน้าที่หลายอย่างในร่างกาย ได้แก่
จากการศึกษาพบว่าผู้ใหญ่ที่อ้วน จะมีระดับโกรทฮอร์โมนต่ำกว่าผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวปกติ
โกรทฮอร์โมนแบบสังเคราะห์ (Human Growth Hormone หรือ HGH) เป็นฮอร์โมนที่สังเคราะห์ขึ้นมาเลียนแบบฮอร์โมนตามธรรมชาติ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1985 ถึงแม้โกรทฮอร์โมนแบบสังเคราะห์จะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา แต่ก็เป็นการรับรองในกรณีเฉพาะ เช่น ใช้ในการรักษาภาวะทางการแพทย์บางอย่างเท่านั้น
โดยปกติแล้ว ระดับของโกรทฮอร์โมนตามธรรมชาติในร่างกายจะลดลงไปตามวัย ผู้เชี่ยวชาญด้านแอนตี้เอจจิ้ง (Anti-aging) บางคนจึงอ้างว่า สามารถใช้ผลิตภัณฑ์โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ เพื่อทดแทนโกรทฮอร์โมนธรรมชาติ และสามารถเปลี่ยนความเสื่อมของร่างกายที่เกิดขึ้นเนื่องจากวัยได้
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวอ้างเหล่านี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ และการใช้โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ เพื่อการต่อต้านความร่วงโรยของวัย ก็ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) แต่อย่างใด
บางคนใช้โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์พร้อมกับยาเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายบางอย่าง เช่น สเตียรอยด์เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ หรือทำให้เล่นกีฬาได้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่มีงานวิจัยใดที่รับรองผลในเรื่องนี้เช่น และองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ก็ไม่ได้รับรองการใช้งานในกรณีนี้เช่นกัน
การฉีดโกรทฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกายในระยะยาว สามารถทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า อะโครเมกาลี (Acromegaly) หรือ ภาวะที่ร่างกายเจริญเติบโตไม่สมส่วนได้ เนื่องจากร่างกายของผู้ใหญ่ไม่สามารถเติบโตต่อไปได้อีกแล้ว การใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์นี้ในปริมาณมาก จึงทำให้กระดูกหนาขึ้น แทนที่จะทำให้มันยาวขึ้น
คนที่เกิดภาวะอะโครเมกาลี จะพบการเจริญเติบโตของกระดูกผิดปกติบริเวณ มือ เท้า และใบหน้า และผิวหนังก็อาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน โดยอาจสังเกตได้จากผิวบริเวณนั้นหนาขึ้น หยาบขึ้น และมีขนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ระดับของโกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ที่มากเกินไป ยังอาจนำไปสู่การเกิดความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ รวมถึงอาการต่าง ๆ เหล่านี้ได้ด้วย
จะเห็นได้ว่า ถึงแม้จะเป็นฮอร์โมนแบบเดียวกัน แต่โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อร่างกายเท่าโกรทฮอร์โมนที่ร่างกายเราผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ การใช้โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และใช้สำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะขาดโกรทฮอร์โมนจริง ๆ เท่านั้น ไม่ควรใช้เพื่อประโยชน์ในการทำให้ร่างกายดีขึ้น แข็งแรง หรืออ่อนเยาว์มากขึ้น
ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่รับรองผลในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย เพิ่มความแข็งแรง และทำให้เยาว์วัยอย่างเพียงพอ และเมื่อเทียบกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว โกรทฮอร์โมนสังเคราะห์จึงอาจไม่ใช่ “น้ำพุแห่งความอ่อนเยาว์’ ที่ทุกคนควรหันไปพึ่งพา โดยปราศจากการแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย