งานวิจัยชี้ว่า การขาดวิตามินเอเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของภาวะสูญเสียการมองเห็น รวมถึงวิตามินซีและวิตามินอี ก็มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยป้องกันเซลล์ดวงตาไม่ให้เกิดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งวิตามินทั้งหมดนี้ล้วนพบได้ในฟักทอง นอกจากนี้ ฟักทองยังอุดมไปด้วยลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต้อและโรคจอประสาทตาเสื่อมเนื่องจากอายุ (Age-related macular degeneration)
3. ฟักทองดีต่อการลดน้ำหนัก
ฟักทอง 1 ถ้วย (245 กรัม) ให้พลังงานเพียง 50 กิโลแคลอรี และมีน้ำประมาณ 94% ฟักทองจึงจัดเป็นอาหารที่เหมาะกับการลดน้ำหนัก เนื่องจากคุณสามารถกินฟักทองได้ในปริมาณที่มากกว่าคาร์โบไฮเดรตชนิดอื่น เช่น ข้าว มันฝรั่ง โดยได้รับปริมาณแคลอรีน้อยกว่า นอกจากนี้ ฟักทองยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่จะช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการลดน้ำหนัก
4. ฟักทองอาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้
ฟักทองอุดมด้วยแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่สามารถช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิดได้ จากการวิเคราะห์งานวิจัย 13 ชิ้นพบว่า ผู้ที่กินอัลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีนมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารลดลง
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่พบว่า ผู้ที่กินแคโรทีนอยด์มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งเต้านม น้อยกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ยืนยันว่า ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งที่ลดลงนี้ เป็นเพราะแคโรทีนอยด์เพียงอย่างเดียว หรือเพราะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น นิสัยการใช้ชีวิตของผู้ที่กินอาหารที่อุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย