backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ปากนกกระจอก

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 16/09/2021

ปากนกกระจอก

ปากนกกระจอก คือ ภาวะอักเสบที่ทำให้เกิดแผลบริเวณมุมปากด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้ง 2 ด้าน โดยสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อราที่มีชื่อเรียกว่า “แคนดิดา” รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ อย่างการขาดสารอาหาร ริมฝีปากแห้ง ปัญหาโรคผิวหนัง เป็นต้น ส่งผลให้ริมฝีปากแห้ง แตก ลอก เกิดสะเก็ดแผลบริเวณมุมปาก อย่างไรก็ตาม โรคปากนกกระจอกอาจหายภายใน 2-3 วัน หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดปากนกกระจอกด้วย

คำจำกัดความ

ปากนกกระจอก คืออะไร

ปากนกกระจอก คือ ภาวะอักเสบที่ทำให้เกิดแผลที่มุมปาก โดยแผลจะมีลักษณะแตกเป็นร่องบริเวณมุมปากด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้ง 2 ด้าน สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อราแคนดิดา ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดเดียวกับโรคผื่นผ้าอ้อมในเด็กทารก รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ เช่น การขาดสารอาหารบางชนิด ริมฝีปากแห้ง ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการคันระคายเคืองบริเวณมุมปาก หรือรู้สึกปวดแสบร้อนบริเวณมุมปาก 

โรคปากนกกระจอกอาจหายภายใน 2-3 วัน หรืออาจนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคโดยคุณหมอจะรักษาตามประเภทของเชื้อที่ทำให้เกิดโรคดังกล่าว เช่น รักษาด้วยยาต้านเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย

อาการ

อาการของ ปากนกกระจอก 

อาการของปากนกกระจอก จะมีลักษณะเป็นแผลบริเวณมุมปากด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้ง 2 สองด้าน รวมถึงอาการอื่น ๆ ดังนี้ 

  • บริเวณมุมปากตึงขณะอ้าปาก
  • ริมฝีปากแห้ง แตกเป็นขุยรอบมุมปาก
  • รู้สึกปวดแสบร้อนบริเวณมุมปาก
  • รอยแผลแตก แห้ง ที่มุมปาก
  • แผลพุพองบริเวณมุมปาก
  • มีเลือดออก
  • สาเหตุ

    สาเหตุที่อาจทำให้เกิดปากนกกระจอก

    สาเหตุที่พบได้บ่อยของปากนกกระจอกมักเกิดจากการติดเชื้อราแคนดิดา ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดเดียวกับเชื้อรากันที่ทำให้เกิดโรคผื่นผ้าอ้อมในเด็กทารก รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดโรคปากนกกระจอก มีดังนี้

    • น้ำลายจากการเลียริมฝีปาก ถ้าน้ำลายที่สะสมบริเวณมุมปาก ถ้าแห้งจะทำให้ริมฝีปากแตกได้ และยิ่งเลียบริเวณมุมปากที่แห้งบ่อย ๆ อาจทำให้เชื้อราบริเวณดังกล่าวเติบโตและแบ่งเซลล์มากขึ้น ส่งผลให้ริมฝีปากเกิดการอักเสบ
    • ขาดสารอาหารบางชนิด หากร่างกายได้รับวิตามินบี 2 ไม่เพียงพอ อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคปากนกกระจอกได้

    ปัจจัยเสี่ยง

    ปัจจัยเสี่ยงของ ปากนกกระจอก

    ปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงเป็นปากนกกระจอกอาจ มีดังต่อไปนี้

    • ริมฝีปากแห้งและแตก หากริมฝีปากแห้งจนแตกอาจทำให้เชื้อไวรัส เชื้อแบคที และยีสต์ เจริญเติบโต
    • ขาดสารอาหาร เช่น วิตามินบี 2 ธาตุเหล็ก
    • จัดฟันหรือดัดฟัน  การจัดฟันหรือดัดฟันอาจทำให้น้ำลายล้นออกมานอกปากสะสมอยู่บริเวณมุมปาก ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคปากนกกระจอกได้
    • ฟันปลอมหลวม การใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดีกับขนาดปากอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคปากนกกระจอก
    • ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี  รวมถึงการใช้ยาสเตียรอยด์ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อราในช่องปาก
    • ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม
    • โรคอื่น ๆ เช่น โรคโลหิตจาง โรคเบาหวาน มะเร็งที่เกี่ยวกับเลือด มะเร็งตับอ่อน ไต ตับ ปอด 
    • สูบบุหรี่ 
    • ผิวหย่อนคล้อย เช่น ผิวหย่อนคล้อยจากการลดน้ำหนักหรืออายุที่เพิ่มขึ้น

    การวินิจฉัยและการรักษา

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

    การวินิจฉัยปากนกกระจอก

    ในเบื้องต้นคุณหมอจะสอบถามประวัติและอาการของผู้ป่วย รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ที่อาจส่งผลให้เกิดโรคปากนกกระจอก เช่น การอักเสบบริเวณมุมปาก รอยแดง บวม แผล สะเก็ด 

    อย่างไรก็ตาม หากสงสัยว่าสาเหตุเกิดจากภาวะอื่น ๆ เช่น โรคเริมที่ริมฝีปาก และโรคไลเคนพลานัสในช่องปาก (ภาวะอักเสบเรื้อรังที่ส่งผลต่อเยื่อเมือกบุผิวในช่องปาก)

     คุณหมออาจต้องเก็บตัวอย่างของเชื้อจากมุมปากและจมูกของผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบว่าอาการป่วยเกิดจากเชื้อชนิดใดบ้าง

    การรักษาปากนกกระจอก

    สำหรับวิธีการรักษาโรคปากนกกระจอก คุณหมอจะรักษาตามประเภทของการติดเชื้อ เพื่อไม่ให้แผลบริเวณดังกล่าวกลับมาเป็นซ้ำอีก โดยมีวิธีการรักษา ดังต่อไปนี้

    • รักษาด้วยยาต้านเชื้อรา จะใช้รักษาผู้ป่วยปากนกกระจอกซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อรา เช่น ยาโคลไตรมาโซล ยาไนสแตนดิน ยาคีโตโคนาโซล ยาไมโคนาโซล
    • รักษาด้วยยาต้านเชื้อแบคทีเรีย จะใช้รักษาผู้ป่วยปากนกกระจอกซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น ยามิวพิโรซิน ครีมขี้ผึ้ง หรือกรดฟูซิดิก

    การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือดูแลตนเอง

    การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือดูแลตนเองเพื่อป้องกันปากนกกระจอก 

    วิธีลดความเสี่ยงของโรคปากนกกระจอก มีดังต่อไปนี้

    • หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปากเมื่อปากแห้งหรือแตก
    • ทาผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปาก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมฝีปาก 
    • ดูแลสุขภาพช่องปากให้ถูกสุขอนามัย เช่น แปรงฟันเป็นประจำหลังรับประทานอาหารหรือแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อราในปาก 
    • ผู้ที่ใส่ฟันปลอม ควรเลือกฟันปลอมที่มีขนาดพอดีกับช่องปาก เนื่องจากน้ำลายอาจไหลออกมาสะสมบริเวณมุมปาก

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 16/09/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา