backup og meta

เป็นร้อนใน ได้อย่างไร และวิธีจัดการกับร้อนใน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 09/03/2023

    เป็นร้อนใน ได้อย่างไร และวิธีจัดการกับร้อนใน

    หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่า ทำไมเราถึง เป็นร้อนใน ร้อนในคือแผลในช่องปากที่อาจเกิดขึ้นบริเวณริมฝีปากด้านใน กระพุ้งแก้ม เหงือก หรือใต้ลิ้น ซึ่งมักทำให้มีอาการเจ็บปวดและแสบเมื่อรับประทานอาหารหรืออาจทำให้พูดลำบาก ส่วนใหญ่แผลร้อนในสามารถหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา แต่หากมีอาการผิดปกติ เช่น แผลเปื่อยขนาดใหญ่ในช่องปาก ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยอาการและทำการรักษาในทันที

    ทำไมเราจึง เป็นร้อนใน

    สาเหตุที่ทำให้เป็นร้อนในนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกิดขึ้นจากสิ่งกระตุ้นหลายปัจจัย ดังนี้

    • การบาดเจ็บที่ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กจากการทำฟัน การแปรงฟันแรงเกินไป อุบัติเหตุ หรือการกัดกระพุ้งแก้มโดยไม่ได้ตั้งใจ
    • โซเดียมลอริลซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulfate) ในยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากกัดกร่อนจนเกิดแผล
    • อาการระคายเคืองจากการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารรสเผ็ด ช็อกโกแลต กาแฟ สตรอเบอร์รี่ ไข่ ถั่ว ชีส หรือจากอาหารที่มีความเป็นกรดสูงอย่างมะนาว
    • การร่างกายขาดวิตามินบี 12 สังกะสี โฟเลต (Folate) หรือธาตุเหล็ก
    • การแพ้ต่อแบคทีเรียบางชนิดในปาก เช่น เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) เป็นแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
    • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
    • ความเครียดทางอารมณ์
    • โรคบางชนิด เช่น โรคเซลิแอค (Celiac Disease) โรคแพ้กลูเตน โรคโครห์น ลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล โรคเบห์เซ็ต (Behcet’s Disease) ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้อเอชไอวี

    อาการเมื่อเป็นร้อนใน

    แผลร้อนในมักจะมีลักษณะเป็นแผลกลมหรือวงรี ตรงกลางมีสีขาวหรือสีเหลือง และขอบสีแดง พบบ่อยบริเวณบนหรือใต้ลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปากด้านใน ฐานเหงือก หรือบนเพดานอ่อน ซึ่งมักทำให้มีอาการเจ็บปวดและแสบก่อนแผลจะเกิดขึ้น

    โดยแผลร้อนในอาจแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ ดังนี้

    แผลร้อนในขนาดเล็ก

    • เป็นลักษณะที่พบบ่อย แผลร้อนในมักจะมีขนาดเล็ก
    • มีลักษณะเป็นวงรีและมีขอบสีแดง
    • สามารถหายเองได้ภายใน 1 สัปดาห์

    แผลร้อนในขนาดใหญ่

    • เป็นลักษณะที่พบน้อย แผลร้อนในมีขนาดใหญ่และลึก
    • มีลักษณะกลมและมีขอบสีแดง
    • อาจมีอาการเจ็บปวดมาก
    • อาจใช้เวลาในการรักษาประมาณ 6 สัปดาห์ และอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้เมื่อแผลหายดี

    แผลเปื่อยเฮอร์เพติฟอร์ม (Herpetiform Ulcer)

    • เป็นลักษณะแผลร้อนในที่พบได้น้อยที่สุด มักมีขนาดเล็กและเกิดเป็นกลุ่ม หรืออาจรวมกันเป็นแผลขนาดใหญ่
    • มีขอบแผลที่ไม่สม่ำเสมอ
    • สามารถหายเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์

    นอกจากนี้ ควรสังเกตอาการอยู่เสมอหากพบความผิดปกติ หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้นต่อไปนี้ควรเข้าพบคุณหมอ

    • แผลเปื่อยขนาดใหญ่
    • แผลที่เกิดซ้ำ โดยที่แผลใหม่จะเกิดขึ้นก่อนที่แผลเก่าจะหาย
    • แผลเรื้อรังนานกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป
    • แผลที่ขยายใหญ่จนลุกลามไปบริเวณริมฝีปาก
    • มีอาการปวดแผลอย่างรุนแรง
    • รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำลำบากมาก
    • มีไข้สูงร่วมกับเป็นร้อนใน

    วิธีจัดการกับร้อนใน

    ส่วนใหญ่ร้อนในสามารถหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา แต่สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยตัวเอง ดังนี้

    • บ้วนปากด้วยน้ำเกลือหรือเบกกิ้งโซดา ด้วยการละลายเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาในน้ำอุ่น 1/2 ถ้วย จากนั้นบ้วนปากอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หรือหลังรับประทานอาหาร
    • แปรงฟันอย่างเบามือ โดยใช้แปรงขนนุ่มและยาสีฟันที่ปราศจากสารทำให้เกิดฟอง ที่สามารถช่วยป้องกันความเจ็บปวดที่แผลร้อนในได้
    • แต้มผงแมกนีเซีย (Magnesia) ในปริมาณเล็กน้อยบนแผลร้อนใน 2-3 ครั้ง/วัน เพื่อช่วยลดความเป็นกรดในช่องปากซึ่งช่วยบรรเทาอาการเจ็บแผล
    • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เป็นกรด หรือรสเผ็ด เช่น มะนาว เกลือ พริก อาจช่วยบรรเทาความระคายเคืองและความเจ็บปวด
    • ใช้น้ำแข็งประคบที่แผลร้อนในเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด

    ในกรณีที่เป็นร้อนในรุนแรงคุณหมออาจจ่ายยาเพื่อช่วยรักษาอาการร้อนในให้หายเร็วขึ้น ดังนี้

    • ยาทาแผลร้อนใน เช่น ฟลูโอซิโนไนด์ (Fluocinonide) เบนโซเคน (Benzocaine) ไฮโดรเจน เปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide)
    • น้ำยาบ้วนปากที่ผสมเดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) หรือลิโดเคน (Lidocaine) เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด
    • กรณีไม่ตอบสนองต่อการรักษา คุณหมออาจจ่ายยารับประทาน เช่น ยาซูคราลเฟต (Sucralfate) โคลชิซิน (Colchicine) สเตียรอยด์ (Steroid)
    • อาหารเสริมเพื่อช่วยเสริมวิตามิน เช่น วิตามินบี 12 ธาตุเหล็ก สังกะสี โฟเลต

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 09/03/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา