การวินิจฉัยกลุ่มอาการเอดีสามารถทำได้โดยการตรวจประเมินที่สถานพยาบาล และประวัติของผู้ป่วย ร่วมกับการตรวจตาแบบครบวงจรโดยจักษุแพทย์
จักษุแพทย์จะใช้ยาหยอดตาพิโลคาร์ปีนหยดลงไปที่ตาของผู้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อทดสอบการตอบสนองของรูม่านตา ยานี้จะทำให้รูม่านตาหดตัวเล็กลง หากผู้ที่เข้ารับการตรวจเป็นกลุ่มอาการเอดี
รูม่านตาข้างที่ได้รับผลกระทบจากโรคจะไม่หดตัวเพื่อตอบสนองต่อแสง แต่จะหดตัวตอบสนองต่อยาพิโลคาร์ปีนแบบ 0.05-0.1% ซึ่งโดยปกติแล้ว รูม่านตาที่ไม่ได้เป็นโรคกลุ่มอาการเอดีจะไม่ตอบสนองต่อยารูปแบบนี้
ในบางกรณี จักษุแพทย์อาจวินิจฉัยด้วยการเปรียบเทียบขนาดของรูม่านตาข้างที่สงสัยว่าเป็นโรคกับข้างที่ปกติดีในแสงสว่างและความมืด รวมถึงสังเกตการตอบสนองของรูม่านตาในขณะที่โฟกัสวัตถุที่อยู่ในระยะประชิด
นอกจากนี้ จักษุแพทย์อาจต้องตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่าเครื่องสลิทแลมป์ (Slit-Lamp) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูง เครื่องมือนี้จะช่วยให้จักษุแพทย์ตรวจสอบได้ว่าลูกตามีรูปทรงผิดปกติหรือไม่ เมื่อตรวจด้วยเครื่องนี้จะพบว่า ลักษณะลูกตาของผู้ป่วยกลุ่มอาการเออีดีส่วนใหญ่มีลักษณะค่อนไปทางทรงรีแทนที่จะเป็นทรงกลม และบางกรณีอาจพบว่า ม่านตาเคลื่อนไหวเป็นจังหวะคล้ายตัวหนอน
การรักษากลุ่มอาการเอดี
ส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มอาการเอดีไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาเฉพาะ จักษุแพทย์อาจสั่งให้คุณตัดแว่นสายตาเพื่อช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ส่วนคนที่ตาไวต่อแสงก็อาจต้องใส่แว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดดหรืออยู่กลางแจ้ง
การรักษาด้วยยาหยอดตายาพิโลคาร์ปีนอาจช่วยให้ปัญหาในการรับรู้ความลึกหรือระยะใกล้ไกลดีขึ้นได้ แต่การสูญเสียปฏิกิริยาตอบสนองของเอ็นกล้ามเนื้อนั้นไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อกลุ่มอาการเอดีอี
เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของกลุ่มอาการเอดี จึงยังไม่มีวิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันกลุ่มอาการเอดี โปรดปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติม
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย