ในกรณีของการติดเชื้อที่ลำไส้ตรง ผู้ป่วยจะมีหนองไหลและเลือดไหลออกมาจากทวารหนัก รวมถึงอาการเจ็บปวดที่ทวารหนัก
ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา แพลลิดัม (Treponema Pallidum) ซึ่งเข้าสู่ร่างกายผ่านทางรอยขีดข่วนหรือบาดแผลเล็ก ๆ บนผิวหนังและเยื่อบุต่าง ๆ
ซิฟิลิสติดต่อกันได้โดยการสัมผัสกับแผลบริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก อันเป็นอาการของโรค นอกจากนี้ ซิฟิลิสยังติดต่อผ่านเลือดได้
ซิฟิลิสจะแสดงอาการภายใน 2-3 สัปดาห์หลังจากการติดเชื้อ โดยอาการที่มักพบคือแผลริมแข็งและผื่นตามร่างกาย โดยอาการทั้ง 2 อย่างสามารถหายเองได้และอาจกลับมาเป็นใหม่ได้
ผู้ป่วยซิฟิลิสในระยะแฝงจะไม่พบอาการผิดปกติ แต่สามารถพบเชื้อได้เมื่อตรวจเลือด
ความอันตรายของซิฟิลิสคือภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ หากปล่อยให้การติดเชื้อเกิดขึ้นเป็นเวลานาน โดยไม่ได้รักษา เช่น อาการบาดเจ็บที่สมอง ระบบประสาท ตา หัวใจ
การตรวจโรคในชายรักชาย
ชายรักชายซึ่งมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือมีคู่นอนหลายคน ควรไปตรวจโรคที่สถานพยาบาลอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน
นอกจากนี้ ชายรักชายควรไปพบคุณหมอ ในกรณีพบอาการต้องสงสัยของโรค หรือว่าทราบว่าคู่นอนเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในบางระยะอาจไม่แสดงอาการ การตรวจโรคจะทำให้แน่ใจได้ว่า ชายรักชายจะไม่แพร่เชื้อโรคไวรัสหรือแบคทีเรียที่แฝงอยู่ในร่างกาย ไปให้คู่นอนของตน หากลืมป้องกันตัวเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์
ในการตรวจโรค คุณหมอจะใช้วิธีการต่าง ๆ ดังนี้ เพื่อให้ทราบว่าเป็นโรคนั้น ๆ หรือไม่
- การตรวจเลือด เพื่อตรวจการติดเชื้อ ตรวจแอนติบอดีซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับโรค โรคเอดส์ (และการติดเชื้อ HIV ระยะก่อนหน้า) การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ บี ซีและซิฟิลิสในระยะแฝง
- การตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจหาเชื้อในปัสสาวะ การติดเชื้อหนองในและหนองในเทียม
- การสวอป เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียบริเวณที่ติดเชื้อ เช่น ลำคอ ท่อปัสสาวะ หรือลำไส้ตรง เป็นอีกทางเลือกในการหาเชื้อหนองในและหนองในเทียม
- การอัลตร้าซาวด์ เพื่อดูความเสียหายของตับ หากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
- การเจาะชิ้นเนื้อตับ เพื่อตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย