backup og meta

ประจำเดือนคืออะไร สำคัญอย่างไร และการดูแลตัวเองเพื่อให้ประจำเดือนมาปกติ

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 03/01/2023

    ประจำเดือนคืออะไร สำคัญอย่างไร และการดูแลตัวเองเพื่อให้ประจำเดือนมาปกติ

    หลายคนอาจมีข้อสงสัยที่ว่า ประจำเดือนคืออะไร ประจำเดือนคือเลือดที่ไหลจากช่องคลอดเป็นประจำทุกเดือนเมื่อไม่มีการตั้งครรภ์ โดยปกติมักจะมาทุก ๆ 28 วัน และมานานไม่เกิน 7 วัน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงทุกคน อย่างไรก็ตาม หากสังเกตพบอาการผิดปกติ เช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนขาด ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดและทำการรักษาในทันที

    ประจำเดือนคืออะไร

    ประจำเดือนคือ เลือดและเยื่อบุโพรงมดลูกที่ไหลออกทางช่องคลอดเป็นประจำทุกเดือนเมื่อไม่มีการตั้งครรภ์ โดยปกติแล้วร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มขึ้นเพื่อกระตุ้นให้รังไข่ปล่อยไข่ออกมา รวมถึงทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้นเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อนและเกิดเป็นการตั้งครรภ์ แต่หากไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ระดับฮอร์โมนเพศจะลดลง และส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกและไหลออกมาเป็นประจำเดือน ซึ่งมักจะมาทุก ๆ 28 วัน แต่บางคนอาจมาช้าหรือเร็วกว่านั้นได้เช่นกัน

    สัญญาณเตือนก่อนมีประจำเดือนคืออะไร

    สัญญาณเตือนก่อนมีประจำเดือน สามารถสังเกตได้ดังนี้

    • อาการปวดท้องเกร็ง
    • อาการปวดหัว
    • ท้องเสียหรือท้องผูก
    • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
    • คัดเต้านมและเจ็บเต้านม
    • รู้สึกเบื่ออาหารหรือมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้น
    • นอนหลับยาก
    • ปวดเมื่อยตัว
    • เหนื่อยล้าง่ายและอ่อนเพลีย

    หากมีอาการเหล่านี้ ควรดูแลตัวเองด้วยการใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณที่ปวดท้องเกร็ง รับประทานยาแก้ปวด พักผ่อนให้เพียงพอ ทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด และดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อช่วยบรรเทาอาการก่อนประจำเดือนมาหรือในระหว่างที่เป็นประจำเดือน

    ประจำเดือนผิดปกติที่ควรเข้าพบคุณหมอ

    ปกติแล้วประจำเดือนมักมาสม่ำเสมอทุกเดือน โดยมีลักษณะเป็นสีชมพูหรือสีน้ำตาลในช่วงวันแรกและอาจมีสีแดงในช่วงวันถัดไป และเมื่อเข้าช่วงใกล้วันหมดประจำเดือนอาจมีสีน้ำตาลหรือดำ

    แต่หากสังเกตว่าประจำเดือนมีสีอื่นนอกเหนือจากสีชมพูหรือสีแดง เช่น สีเทา สีส้ม สีดำ สีน้ำตาล ตั้งแต่วันแรกที่เป็นประจำเดือน หรือมีอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ ควรเข้าพบคุณหมอ

  • ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และมาแบบกะปริบกะปรอย
  • ประจำเดือนมานานกว่า 7 วัน
  • ประจำเดือนมามาก จนจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง
  • ประจำเดือนขาดนานกว่า 3 เดือน โดยไม่ได้มีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์
  • สีตกขาวผิดปกติและช่องคลอดมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง
  • มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียนระหว่างเป็นประจำเดือน
  • มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจลำบากหลังประจำเดือนหมด
  • ประจำเดือนเป็นลิ่มเลือดหรือเป็นก้อนขนาดใหญ่
  • รอบเดือนเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน และมีรอบเดือนระยะสั้นกว่า 24 วัน หรือนานกว่า 38 วัน
  • เข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือน แต่มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
  • ควรเข้าพบคุณหมอทันทีหากสังเกตพบอาการดังกล่าว เพื่อรับการตรวจคัดกรองโรคเพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพ เช่น การติดเชื้อในช่องคลอด เนื้องอกในช่องคลอด ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ มะเร็งมดลูก มะเร็งปากมดลูก การตั้งครรภ์นอกมดลูก และการแท้งบุตร

    วิธีดูแลตัวเองที่อาจช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ

    วิธีดูแลตัวเองที่อาจช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ อาจทำได้ดังนี้

    • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและช่วยรักษาความสมดุลของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับประจำเดือน
    • ลดความเครียด เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ดูหนัง เล่นเกม ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ เพราะความเครียดอาจส่งผลให้ประจำเดือนมาช้า
    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความสมดุลของฮอร์โมน ทำให้ประจำเดือนมาตามปกติ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรออกกำลังกายหนักเกินไป หรือใช้แรงมากเกินไป เพราะอาจส่งผลให้ร่างกายเกิดความเครียดและเหนื่อยล้า ที่อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือประจำเดือนขาดได้
    • รับประทานยาคุมกำเนิด ในรูปแบบ 21 หรือ 28 เม็ด ที่ประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสตินเพื่อช่วยให้ฮอร์โมนสมดุลและอาจกระตุ้นให้ประจำเดือนมาปกติ โดยควรรับประทานวันแรกที่ประจำเดือนมา อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยา
    • ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจคัดกรองโรคที่ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ ภาวะไทรอยด์ต่ำ โรคมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งมดลูก และเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 03/01/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา