backup og meta

ประจําเดือนตกค้าง คืออะไร อันตรายหรือไม่

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์ · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 4 สัปดาห์ก่อน

    ประจําเดือนตกค้าง คืออะไร อันตรายหรือไม่

    ประจําเดือนตกค้าง คืออะไร ? อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ประจำเดือนตกค้าง คือ เลือดและเยื่อบุโพรงมดลูกเก่าที่ตกค้างและออกมาช่องคลอดหลังจากที่ประจำเดือนหมด โดยอาจมีลักษณะเป็นก้อนเลือดสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ คล้ายกากกาแฟ ซึ่งมักจะไม่ส่งผลอันตรายใด ๆ

    อย่างไรก็ตาม หากสังเกตพบความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีอาการคันช่องคลอด ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดและทำการรักษาในทันที

    ประจําเดือนตกค้าง คืออะไร

    ประจําเดือนตกค้าง คือ เลือดเก่าที่ตกค้างในมดลูก มีลักษณะเป็นก้อนเลือดสีดำหรือน้ำตาลเข้มคล้ายกากกาแฟ ที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) ระหว่างเลือดประจำเดือนกับอากาศ ทำให้เลือดมีสีคล้ำขึ้น

    ประจําเดือนตกค้าง กี่วัน

    โดยทั่วไป ร่างกายมักจะขับประจำเดือนตกค้างออกมาภายใน 1-2 วัน หลังหมดประจำเดือนหรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล

    ประจําเดือนตกค้างอันตรายหรือไม่

    ประจําเดือนตกค้างเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและมักจะไม่ส่งผลอันตรายใด ๆ แต่ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื้องอกมดลูก การแท้งบุตร ดังนั้น จึงควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและตรวจสุขภาพช่องคลอดอย่างละเอียด

    ประจำเดือนตกค้างที่ควรพบคุณหมอคืออะไร

    อาการประจำเดือนผิดปกติที่ควรพบคุณหมอ มีดังนี้

    • สีประจำเดือนผิดปกติ เช่น สีแดงปนดำ สีน้ำตาล สีชมพู สีส้ม สีเทา รวมถึงประจำเดือนมามากกว่าปกติจนจำเป็นต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง
    • รอบเดือนสั้นกว่า 21 วัน หรือเป็นประจำเดือนหลายครั้งภายในเดือนเดียว
    • ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือประจำเดือนขาดนานกว่า 3 เดือน
    • ประจำเดือนมีลักษณะเป็นลิ่มเลือดขนาดใหญ่
    • ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นและมีตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวสีเทา ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีเขียว ตกขาวเป็นก้อนคล้ายนมบูด
    • อาการคันในช่องคลอด
    • ปวดท้องเกร็งรุนแรง
    • มีไข้ วิงเวียนศีรษะ อาเจียนและเหนื่อยล้าง่าย
    • เจ็บหน้าอกหรือหายใจลำบากในระหว่างเป็นประจำเดือนหรือประจำเดือนหมด

    การตรวจภายใน

    การตรวจภายใน อาจช่วยให้ทราบว่าสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนตกค้างบ่อยคืออะไร เพื่อเข้ารับการรักษาได้อย่างรวดเร็วก่อนเสี่ยงเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบ มะเร็งมดลูก ภาวะมีบุตรยาก

    การวินิจฉัยสุขภาพช่องคลอด อาจทำได้ดังนี้

    • การตรวจเลือด เพื่อหาว่ามีความเสี่ยงเป็นภาวะโลหิตจางที่ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือไม่ รวมถึงตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ประจำเดือนมาผิดปกติ
    • อัลตราซาวด์อุ้งเชิงกราน เพื่อตรวจหาเนื้องอกเนื้องอกมดลูก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูกที่อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือประจำเดือนตกค้างบ่อย
    • การตรวจชิ้นเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูก คุณหมออาจเก็บตัวอย่างเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อนำไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง
    • ทดสอบการทำงานของรังไข่ เพื่อวัดปริมาณของฮอร์โมนเอฟเอสเอช (Follicle Stimulating Hormone) และฮอร์โมนแอลเอช (Lutenizing hormone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญของไข่ หากมีระดับต่ำเกินไปอาจส่งผลต่อการมีประจำเดือนได้
    • ทดสอบการทำงานของต่อมไทรอยด์ เป็นการวัดปริมาณฮอร์โมนต่อมไทรอยด์ หากระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำกว่าปกติอาจส่งผลให้ประจำเดือนขาดและประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอได้
    • ทดสอบระดับฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมใต้สมอง มีผลต่อฮอร์โมนควบคุมการตกไข่ หากระดับฮอร์โมนโปรแลคตินสูง อาจทำให้การตกไข่ผิดปกติ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และประจำเดือนตกค้างได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 4 สัปดาห์ก่อน

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา