backup og meta

มดลูกหย่อน อาการ ปัจจัยเสี่ยง และการรักษา

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    มดลูกหย่อน อาการ ปัจจัยเสี่ยง และการรักษา

    มดลูกหย่อน อาการ ที่พบบ่อย คือ มดลูกที่ค่อย ๆ ย้อยลงมาเป็นระยะจนออกมาบริเวณปากช่องคลอด โดยอาจมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และเอ็นของอุ้งเชิงกรานที่ทำหน้าที่ยึดและรองรับมดลูก อีกทั้งยังอาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น วัยหมดประจำเดือน การผ่าตัด ภาวะน้ำหนักเกิน หากสังเกตว่ามีอาการไม่สบายตัวขณะเคลื่อนไหว รู้สึกเหมือนมีก้อนภายในช่องคลอด ขับถ่ายลำบาก เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์และปัสสาวะ ควรพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างรวดเร็ว

    ปัจจัยเสี่ยงของอาการมดลูกหย่อน

    มดลูกหย่อน มีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และเอ็นอุ้งเชิงกรานที่คอยยึดและรองรับมดลูกเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจมีปัจจัยบางอย่างเป็นตัวกระตุ้น ดังนี้

    • คนในครอบครัวมีภาวะเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอ่อนแอ
    • อายุที่เพิ่มมากขึ้นและวัยหมดประจำเดือน ที่อาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และอุ้งเชิงกรานเสื่อมสภาพจนนำไปสู่อาการมดลูกหย่อน
    • น้ำหนักเกินที่มากเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานรับน้ำหนักมากขึ้น ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้มดลูกหย่อนได้
    • ภาวะต่าง ๆ เช่น อาการท้องผูกเรื้อรัง หลอดลมอักเสบ อาการไอเรื้อรัง เนื้องอกในอุ้งเชิงกราน รวมถึงการยกของหนักเป็นประจำ เพราะอาจทำให้เกิดความดันในช่องท้อง อาการเกร็ง และแรงสั่นสะเทือนไปยังบริเวณมดลูก ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้กล้ามเนื้อมดลูกเสื่อมสภาพ นำไปสู่มดลูกหย่อน
    • การคลอดทารกที่มีขนาดตัวใหญ่ โดยเฉพาะคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติ เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเสียหายระหว่างคลอด นำไปสู่อาการมดลูกหย่อนหลังคลอด
    • การสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่อาจส่งผลให้เกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหลอดลมอักเสบ อาการไอเรื้อรัง เพราะการไออาจทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปยังมดลูก ที่เพิ่มความเสี่ยงทำให้มดลูกหย่อนหรือย้อยลงมาตามลำดับ

    มดลูกหย่อน อาการ ที่ควรไปพบคุณหมอ

    อาการมดลูกหย่อน ที่ควรไปพบคุณหมอ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษา มีดังนี้

    • รู้สึกว่ามีบางอย่างโผล่ออกมาจากช่องคลอด ทำให้รู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนลูกบอลขนาดเล็ก
    • รู้สึกมีแรงกดภายในช่องคลอด
    • มีตกขาวมากกว่าปกติ
    • ปวดหลังส่วนล่าง
    • รู้สึกเหมือนมีบางอย่างถ่วงบริเวณช่องคลอดเอาไว้
    • รู้สึกเจ็บปวดช่องคลอดระหว่างปัสสาวะและมีเพศสัมพันธ์
    • ปัสสาวะและอุจจาระลำบาก
    • ปัสสาวะเล็ดเล็กน้อยเมื่อไอ จาม หรือออกกำลังกาย
    • รู้สึกว่าปัสสาวะไม่สุดที่อาจทำให้จำเป็นต้องเบ่งปัสสาวะและเข้าห้องน้ำบ่อย
    • รู้สึกไม่สบายตัวขณะเคลื่อนไหว เช่น เดิน นั่ง วิ่ง
    • ติดเชื้อบริเวณทางเดินปัสสาวะบ่อยครั้ง ปัสสาวะลำบาก 
    • รู้สึกช่องคลอดหลวม ตกขาวเปลี่ยนสี

    หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ปัญหากระเพาะปัสสาวะหย่อน โรคกระเปาะทวารหนักที่เกิดจากกล้ามเนื้อหรือผนังด้านหน้าของทวารหนักและช่องคลอดฉีกขาด หรือเกิดการขยายตัวเป็นถุงโป่งพองเข้าไปในช่องคลอด และแผลพุพองบริเวณมดลูกที่เกิดจากการเสียดสีกับเสื้อผ้าได้

    การวินิจฉัยอาการมดลูกหย่อน

    การวินิจฉัยอาการมดลูกหย่อน อาจทำได้ดังนี้

    • อัลตราซาวด์ คุณหมออาจใช้การอัลตราซาวด์ เพื่อตรวจโครงสร้างภายในช่องคลอด เพื่อหาสาเหตุและหาวิธีรักษาอย่างเหมาะสม
    • ตรวจสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยคุณหมออาจให้ผู้ป่วยยืนหรือนอนราบ และให้ผู้ป่วยไอหรือเกร็งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เพื่อตรวจสอบดูว่ามดลูกหย่อนออกมาจากช่องคลอดมากน้อยแค่ไหน
    • การถ่ายภาพด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กหรือการทำเอ็มอาร์ไอ (MRI) ทำเพื่อตรวจสอบอาการมดลูกหย่อนที่ยื่นออกมาพร้อมกับผนังมดลูก

    การรักษาอาการมดลูกหย่อน

    การรักษาอาการมดลูกหย่อน มีอาจทำได้ดังนี้

    • อุปกรณ์พยุงมดลูก(Pessaries) มีลักษณะเป็นวงแหวนพลาสติกที่มีความยืดหยุ่น ใช้ใส่เข้าไปในช่องคลอดและดันขึ้น เพื่อช่วยรองรับมดลูกที่หย่อนลงมาให้กลับเข้าที่ โดยคุณหมอต้องเป็นคนใส่ให้เท่านั้นเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ควรเข้าพบคุณหมอตามการนัดหมายทุกครั้งเพื่อเช็กอาการหลังใส่หรือนำอุปกรณ์ออกมาทำความสะอาดและเปลี่ยนใหม่ ผลข้างเคียงของการใช้อุปกรณ์พยุงมดลูก ได้แก่ ช่องคลอดเป็นแผล ระคายเคืองช่องคลอด ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น
    • การผ่าตัด เป็นวิธีรักษาอาการมดลูกหย่อน โดยการผ่าตัดเปิดหน้าท้องเพื่อซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และเอ็นที่เสียหายของอุ้งเชิงกราน เพื่อให้สามารถกลับมารองรับมดลูกได้อีกครั้ง แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการมดลูกหย่อนระดับรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาใด ๆ อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อนำมดลูกออกทั้งหมด
    • การใช้ยาปรับระดับฮอร์โมน เหมาะสำหรับอาการมดลูกหย่อนที่เกิดจากฮอร์โมนไม่สมดุลโดยคุณหมออาจให้ใช้ยาเหน็บหรือวงแหวนที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสอดเข้าไปในช่องคลอด เพื่อช่วยปรับความสมดุลของฮอร์โมน และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน

    การดูแลตัวเองเมื่อมีอาการมดลูกหย่อน

    การดูแลตัวเองเพื่อช่วยบรรเทาอาการมดลูกหย่อน หรือป้องกันไม่ให้มดลูกหย่อนมีอาการรุนแรงขึ้น อาจทำได้ดังนี้

    • การออกกำลังกายบริหารอุ้งเชิงกราน เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการมดลูกหย่อนในระยะแรก โดยเริ่มจากการนั่งหรือยืน และหายใจเข้าลึก ๆ เป็นจังหวะ จากนั้นขมิบช่องคลอดซึ่งคล้ายกับการกลั้นปัสสาวะ ค้างเอาไว้ 10 วินาที และผ่อนคลาย ควรทำซ้ำ ๆ กัน 10 ครั้ง วันละ 3 รอบ เป็นประจำทุกวัน ในระหว่างที่ขมิบช่องคลอดไม่ควรเกร็งหน้าท้องหรือขาหนีบ เพราะอาจทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหดเกร็งได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ
    • ควบคุมอาการไอ เช่น หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และสารก่อภูมิแพ้ บรรเทาอาการไอด้วยการรับประทานยาแก้ไอหรืออมยาอม และเข้ารับการรักษาอาการไอเรื้อรังและภาวะหลอดลมอักเสบ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการมดลูกหย่อนรุนแรงขึ้น
    • หลีกเลี่ยงการยกของหนักและการออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก
    • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ด้วยการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ดื่มน้ำให้มาก ๆ และออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้อาการมดลูกหย่อนแย่ลงไปกว่าเดิมและเป็นการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา