backup og meta

วิธีรักษาตกขาว ที่ผิดปกติ และการดูแลสุขภาพช่องคลอด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์ · สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 30/04/2022

    วิธีรักษาตกขาว ที่ผิดปกติ และการดูแลสุขภาพช่องคลอด

    ตกขาว เป็นกระบวนการทำความสะอาดของระบบสืบพันธุ์ โดยการขับสิ่งสกปรก เซลล์ที่ตายแล้ว และแบคทีเรียออกทางช่องคลอด ตกขาวโดยปกติจะมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวใส ไม่มีกลิ่นหากสังเกตว่าตกขาวมีสีผิดปกติ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจวินิจฉัย และหาวิธีรักษาตกขาวอย่างเหมาะสม

    ตกขาวผิดปกติ มีสาเหตุมาจากอะไร

    ตกขาวผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อในช่องคลอด ส่งผลให้ความสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดเปลี่ยนแปลง นำไปสู่อาการตกขาวมีกลิ่น ตกขาวมีสีเขียว เหลือง น้ำตาล บางคนอาจมีอาการคัน และแสบช่องคลอดขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์

    ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ตกขาวผิดปกติ มีดังนี้

    • ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด
    • การติดเชื้อจากคู่นอนระหว่างมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน หนองในเทียม โรคพยาธิในช่องคลอด ซิฟิลิส
    • การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ที่เป็นผลข้างเคียงมาจากการผ่าตัด หรือหลังจากการมีเพศสัมพันธ์
    • วัยหมดประจำเดือน เพราะอาจทำให้ผนังช่องคลอดบาง ส่งผลให้ช่องคลอดแห้ง ระคายเคืองและอักเสบ
    • สุขภัณฑ์สกปรก เนื่องจากเป็นการสัมผัสกับบริเวณรอบ ๆ อวัยวะเพศโดยตรงอาจทำให้ช่องคลอดเกิดการติดเชื้อ นำไปสู่อาการตกขาวผิดปกติ
    • การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม เช่น ครีม สบู่ รวมถึงการสวนล้างช่องคลอด
    • รอยโรคต่าง ๆ เช่น ติ่งเนื้อ แผลเป็น หรือก้อนในช่องคลอดหรือปากมดลูก
    • โรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ การอักเสบของมดลูก ข้ออักเสบ มะเร็งปากมดลูก ที่อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย

    วิธีรักษาตกขาวผิดปกติ

    วิธีรักษาตกขาวผิดปกติ อาจแตกต่างกันออกไปตามสาเหตุที่เป็น โดยส่วนใหญ่คุณหมออาจรักษาด้วยวิธีดังต่อไปนี้

    • ทินิดาโซล (Tinidazole) 

    เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรีย ยาทินิดาโซลอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อปรสิต โดยควรรับประทานพร้อมอาหารวันละ 1 ครั้ง ไม่ควรเปลี่ยนขนาดยา หรือหยุดยาเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุณหมอ เพราะอาจทำให้เชื้อดื้อยา

    ก่อนใช้ยานี้ควรแจ้งคุณหมอให้ทราบหากมีประวัติแพ้ยา และภาวะสุขภาพเกี่ยวกับความผิดปกติของเลือด โรคตับ โรคไต อีกทั้งสตรีตั้งครรภ์และอยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยาเพื่อความปลอดภัย

    ระหว่างที่รับประทานยาควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจส่งผลให้มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้และอาเจียนอย่างรุนแรง และปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น นอกจากนี้ หากมีอาการวิงเวียนศีรษะ มีไข้ เจ็บคอ คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องร่วง ผิวหนังช้ำและมีเลือดออกง่ายกว่าปกติ พร้อมกับรู้สึกแขนขาชา ควรเข้าพบคุณหมอทันที

    • เมโทรไนดาโซล (Metronidazole) 

    เป็นยาปฏิชีวนะที่อาจช่วยหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและปรสิต ควรรับประทานยานี้พร้อมกับอาหาร น้ำเปล่า หรือนม โดยขนาดยาอาจขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณหมอ ไม่ควรหยุดยาเองจนกว่าคุณหมอจะอนุญาตให้หยุดยา แม้ว่าจะมีอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะอาจทำให้อาการกำเริบ และเชื้อดื้อยาได้

    ก่อนใช้ยานี้ควรแจ้งให้คุณหมอทราบหากมีประวัติแพ้ยาและภาวะสุขภาพเกี่ยวกับโรคตับ โรคไต ความผิดปกติของเลือด

    ระหว่างที่รับประทานยาควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจส่งผลให้วิงเวียนศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง หากสังเกตว่ามีอาการหายใจไม่ออก เจ็บคอ มีไข้ ท้องร่วง ผิวหนังช้ำและเลือดออกง่ายกว่าปกติ รวมถึงมีปัญหาด้านการพูดหรือการมองเห็นอย่างกะทันหัน จิตใจและอารมณ์แปรปรวน ควรเข้าพบคุณหมอทันที เพราะอาจเป็นผลข้างเคียงจากการแพ้ยา

    • รักษาสุขอนามัย

    คุณหมออาจแนะแนะให้รักษาสุขอนามัยให้สะอาดหลังการขับถ่าย ปัสสาวะ และหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งก่อนมีเพศสัมพันธ์ และระหว่างการรักษาควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์

    การดูแลสุขภาพช่องคลอด

    การดูแลสุขภาพช่องคลอด อาจทำได้ ดังนี้

    • ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศด้วยน้ำอุ่น ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นเป็นประจำทุกวัน ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนประกอบของน้ำหอมและฟองสบู่มาก และควรหลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจทำให้แบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุล
    • หลังจากปัสสาวะ ควรซับอวัยวะเพศให้แห้ง โดยเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ช่องคลอด
    • เลือกกางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย เพื่อให้ระบายอากาศได้ดี ลดการอับชื้นและลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
    • หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่รัดรูปหรือแน่นเกินไป เพื่อป้องกันเหงื่อออกและอับชื้นจนทำให้เชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราเจริญเติบโต
    • ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
    • ตรวจคัดกรองโรคเป็นประจำ เพื่อตรวจสุขภาพช่องคลอด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์

    สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 30/04/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา