backup og meta

โพรงมดลูกอักเสบ สาเหตุ การรักษาและการป้องกัน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์ · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 04/02/2023

    โพรงมดลูกอักเสบ สาเหตุ การรักษาและการป้องกัน

    โพรงมดลูกอักเสบ เป็นปัญหาสุขภาพทางเพศของผู้หญิงที่ควรเข้ารับการรักษาทันที เมื่อสังเกตว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้องเกร็ง มีเลือดออกทางช่องคลอด ตกขาวผิดปกติ ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น เนื่องจากโพรงมดลูกเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อการสืบพันธุ์ การคลอดบุตรและการมีประจำเดือน อีกทั้งยังควรศึกษาวิธีดูแลสุขภาพโพรงมดลูกเพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะโพรงมดลูกอักเสบและโรคร้ายแรงอื่น ๆ

    สาเหตุของโพรงมดลูกอักเสบ

    โพรงมดลูกอักเสบ คือ การอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูกชั้นใน ที่อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม หนองในแท้ หนองในเทียม หรือเกิดจากความอับชื้นที่กระตุ้นให้แบคทีเรียตามธรรมชาติที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดเจริญเติบโตมากเกินไป นอกจากนี้ การคลอดบุตร การแท้งบุตร การใส่ห่วงคุมกำเนิด ก็อาจส่งผลให้มีการติดเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้โพรงมดลูกอักเสบได้เช่นกัน

    อาการของโพรงมดลูกอักเสบ

    อาการของโพรงมดลูกอักเสบ มีดังนี้

    • อาการปวดท้องน้อยและอุ้งเชิงกราน
    • เจ็บปวดขณะปัสสาวะหรือระหว่างมีเพศสัมพันธ์
    • มีเลือดออกทางช่องคลอด
    • ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นและสีตกขาวผิดปกติ เช่น สีเหลือง สีเทา สีเขียว สีขาวเป็นก้อนหนา
    • อาการท้องผูก
    • มีไข้ หนาวสั่น และปวดศีรษะ

    หากสังเกตว่ามีอาการดังกล่าว ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาทันที เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น การติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน หนองหรือฝีในอุ้งเชิงกรานและมดลูก ภาวะมีบุตรยาก ภาวะโลหิตเป็นพิษที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด ความดันโลหิตต่ำที่อาจนำไปสู่อาการชัก

    การรักษาโพรงมดลูกอักเสบ

    โพรงมดลูกอักเสบอาจรักษาได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย โดยชนิดของยาอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เป็น เช่น คลินดาไมซิน (Clindamycin) สำหรับผู้ที่มีการติดเชื้อระดับรุนแรง คุณหมออาจจำเป็นต้องให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและอาจให้ยาผ่านทางหลอดเลือดดำ

    ในรายที่ภาวะนี้เกิดขึ้นหลังคลอดบุตรหรือแท้งบุตรจำเป็นต้องนึกถึงภาวะของการแท้งไม่ครบหรือชิ้นส่วนของรกค้าง ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อและมีเลือดออกผิดปกติเช่นนี้ได้เหมือนกัน ซึ่งอาจต้องมีการรักษาเพิ่มเติมโดยการขูดมดลูก

    การป้องกันโพรงมดลูกอักเสบ

    การป้องกันโพรงมดลูกอักเสบ อาจทำได้ดังนี้

    • สอบถามประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคประจำตัวของคู่นอน
    • หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคนหรือการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
    • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจส่งผลให้เกิดโพรงมดลูกอักเสบ รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ
    • สำหรับผู้ที่คุมกำเนิดด้วยการใส่ห่วงอนามัย ควรปฏิบัติตามวิธีการดูแลตัวเองที่คุณหมอแนะนำ หรืออาจเปลี่ยนเป็นการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น ยาคุมแบบฝัง ยาคุมแบบแผ่นแปะ ยาคุมแบบรับประทาน ถุงยางอนามัย
    • เลือกกางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้ายที่ระบายความอับชื้นได้ดี เพราะความอับชื้นอาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในโพรงมดลูก จนนำไปสู่โพรงมดลูกอักเสบ
    • หลังจากการขับถ่าย ควรล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศให้ถูกวิธีและซับน้ำด้วยทิชชู่ให้แห้งสนิท เพื่อลดความอับชื้น โดยควรเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากทวารหนัก

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 04/02/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา