backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการ สาเหตุ และการรักษา

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์ · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย pimruethai · แก้ไขล่าสุด 04/01/2024

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการ สาเหตุ และการรักษา

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases หรือ STDs) คือ การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อที่ทำให้เกิดโรค โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีมากกว่า 20 ชนิด เช่น โรคหนองใน ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน ส่วนใหญ่อาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางนามัย หรือการขาดการดูแลสุขภาพอนามัยทางเพศที่ดี

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์-STDs-เสี่ยงโรค

คำจำกัดความ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คืออะไร

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases หรือ STDs) คือ การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อที่ทำให้เกิดโรค โดยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีมากกว่า 20 ชนิด เช่น

  • คลามัยเดีย (Chlamydia)
  • โรคหนองใน
  • เชื้อเอชไอวี/โรคเอดส์
  • ไวรัสเอชพีวี (HPV)
  • โรคซิฟิลิส
  • ท่อปัสสาวะอักเสบ
  • ก้านอัณฑะอักเสบ
  • การติดเชื้อทำให้เกิดการอักเสบบริเวณปากช่องคลอดและช่องคลอด เช่น โรคเริมที่เกิดบริเวณอวัยวะเพศ การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis)
  • ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน
  • แบคทีเรียกลุ่มอื่นๆเช่นยูเรียพลาสม่า (urea plasma urealyticum/parvum) ไมโครพลาสม่า (mycoplasma hominis/genitalium)

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พบบ่อยแค่ไหน

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์พบได้ทั่วไป แต่บางสาเหตุอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย หากผู้หญิงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และตั้งครรภ์อาจทำให้มีปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงถ่ายทอดไปยังทารกขณะคลอดได้

อาการ

อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

อาการทั่วไปของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจมีดังนี้

  • แผลเปื่อยหรือตุ่มที่บริเวณอวัยวะเพศหรือปากหรือช่องทวารหนัก
  • ความเจ็บปวด หรือ การถ่ายปัสสาวะมีอาการปวดแสบปวดร้อน
  • สารหรือของเหลวที่ถูกปล่อยออกมาจากอวัยวะเพศชาย
  • ตกขาวมีกลิ่นผิดปกติหรือกลิ่นแปลก ๆ
  • เลือดออกช่องคลอดแบบผิดปกติ
  • เจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • แผลเปื่อย ขาหนีบบวมโดยเฉพาะที่ต่อมน้ำเหลือง แต่บางครั้งขยายออก
  • ความเจ็บปวดท้องน้อย
  • อาการทั่วไป เช่น เป็นไข้ อ่อนแอ
  • ผื่นคันทั่วลำตัว มือ หรือเท้า
  • อย่างไรก็ตาม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิดอาจไม่แสดงอาการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง และบางครั้งก็อาจมีอาการไม่รุนแรง

    ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด

    สำหรับเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจไปพบคุณหมอหาก

    • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
    • มีคู่นอนมากกว่า 1 คน
    • อาจสัมผัสกับเชื้อทางเพศสัมพันธ์
    • มีอาการของการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์  เลือดออกช่องคลอดแบบผิดปกติ

    ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ

    สาเหตุ

    สาเหตุของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

    โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อราชนิดต่าง ๆ ดังนี้

    • ไวรัส เช่น เอชไอวี โรคตับอักเสบบี เฮอร์ปีส์ คอมเพล็กซ์ (Herpes Complex) และไวรัส โรคติดเชื้อเอชพีวี (Human Papilloma Virus)
    • เชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคหนองใน คลามัยเดียทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) ทริปโปนีมา พัลลิดุม (Treponema Pallidum) มัยโคพลาสมา (Mycoplasmas)

    ปัจจัยเสี่ยง

    ปัจจัยเสี่ยงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจมีดังนี้

    • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
    • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ผ่านทางทวารหนัก
    • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกันความเสี่ยงการเกิดโรค
    • ผู้ค้าประเวณี
    • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ใช้สารเสพติด ใช้เข็มร่วมกัน หรือมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ ซึ่งอาจมีแนวโน้มในการมีทางเพศโดยไม่ได้ป้องกันและอาจมีความเสี่ยงสูงในการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม
    • ผู้ที่อยู่ในชุมชนที่มีความชุกของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    การวินิจฉัยและการรักษา

    ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง กรุณาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับแพทย์เสมอ

    การวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    ถ้ามีประวัติเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ มีสัญญาณและอาการที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คุณหมออาจวินิจฉัยอาการด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้

    • การตรวจร่างกาย โดยรวมถึงการตรวจร่างกายภายนอกและการตรวจภายในเพื่อดูอาการแสดงที่เกี่ยวข้อง เช่นตกขาวที่ผิดปกติ ปวดกดเจ็บบริเวณท้องน้อยหรือมีไข้
    • การตรวจเลือด เพื่อวินิจฉัยโรคเอชไอวี หรือระยะของโรคซิฟิลิส
    • การตรวจปัสสาวะ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางอย่างอาจวินิจฉัยได้จากตัวอย่างปัสสาวะ
    • ตัวอย่างของเหลว หากมีแผลเปื่อยที่อวัยวะเพศ การทดสอบของเหลวและตัวอย่างจากแผลเปื่อยอาจช่วยวินิจฉัยชนิดของการติดเชื้อได้ สารหรือของเหลวที่ถูกปล่อยออกมาจากท่อปัสสาวะก็อาจใช้ในบางกรณี ห้องปฏิบัติการจะใช้แผลเปื่อยอวัยวะเพศ หรือตกขาวในช่องคลอด สารหรือของเหลวที่ถูกปล่อยออกมา เพื่อนำมาทดสอบการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด

    การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    • ยาปฏิชีวนะ อาจมีประสิทธิภาพในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย และปรสิต เช่น โรคหนองใน โรคซิฟิลิส คลามัยเดีย (Chlamydia) และ การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis)
    • ยาต้านไวรัส อาจลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือการกลับมาเป็นซ้ำหากใช้ยาทุกวัน

    อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้ต้องใช้ภายใต้การดูแลของคุณหมอ และหากตรวจพบโรคติดต่อทางสัมพันธ์ตั้งแต่เริ่มต้นก็อาจช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การปรับไลฟ์สไตล์และการดูตัวเอง

    การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันและรักษา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    การปรับพฤติกรรมบางอย่างอาจช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนี้

    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ไข่ ถั่ว นม
    • งดสูบบุหรี่ และไม่ใช้ยาเสพติด หรือเข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
    • ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น วิ่ง โยคะ แอโรบิค
    • มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง
    • ตรวจร่างกายและตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งของตัวเองและคู่รักอย่างสม่ำเสมอ
    • รับประทานยาตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย pimruethai · แก้ไขล่าสุด 04/01/2024

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา