backup og meta

รอยสิวที่หลัง เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 05/04/2023

    รอยสิวที่หลัง เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไร

    รอยสิวที่หลัง อาจเกิดขึ้นหลังจากสิวที่หลังหาย โดยจะปรากฏเป็นจุดสีดำหรือน้ำตาลเข้มตามขนาดของสิวที่เป็น ซึ่งอาจส่งผลทำให้ผิวที่หลังไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ และอาจลดความมั่นใจเมื่อแต่งตัวโดยเฉพาะผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าโชว์ผิวหลัง ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีรักษารอยสิวรวมถึงการป้องกันการเกิดสิวที่หลัง หรือขอคำปรึกษาจากคุณหมอเพื่อรับคำแนะนำในการจัดการกับรอยสิวที่หลังอย่างถูกวิธี

    รอยสิวที่หลัง เกิดจากอะไร

    รอยสิวที่หลัง เกิดจากสิวชนิดต่าง ๆ เช่น สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวตุ่มแดง สิวตุ่มหนอง และสิวซีสต์ รวมถึงพฤติกรรมแกะสิวที่หลัง ที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นฟูรอยแผลของร่างกาย ทำให้เกิดเป็นรอยสิวที่หลัง

    อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขอนามัยไม่ดี ผิวหนังได้รับการเสียดสีจากการขัดผิวหรือสวมเสื้อผ้ารัดรูป เหงื่อ ความร้อน หรือฮอร์โมน ก็อาจกระตุ้นให้สิวที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงขึ้น และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยสิวที่หลังได้เช่นกัน

    วิธีรักษารอยสิวที่หลัง

    วิธีรักษารอยสิวที่หลัง อาจทำได้ดังนี้

    • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ครีม หรือยารักษารอยสิว ที่ประกอบด้วยกรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) หรือกรดไฮดรอกซี (Hydroxyl acids) กรดเอเอชเอ (AHA) กรดพีเอชเอ (PHA) เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบนออก ทำให้รอยสิวที่หลังจางลง
    • เลเซอร์ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ส่งผลให้รอยสิวที่หลังจางลง แต่อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้ง
    • การฉีดสเตียรอยด์ เป็นวิธีรักษารอยสิวที่หลังชนิดนูนจากสิวระดับรุนแรง เช่น สิวอักเสบ สิวไม่มีหัว สิวไม่มีหนอง เพื่อช่วยให้รอยสิวยุบตัวลง แต่อาจจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจและรักษาอย่างสม่ำเสมอจนกว่าผิวจะเรียบเนียนขึ้น
    • การกรอผิว โดยการใช้อุปกรณ์เฉพาะสำหรับการกรอผิวที่มีลักษณะเป็นแปรงและมีหนามแหลมขนาดเล็กกลิ้งไปบนผิวเพื่อช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้นและขจัดหนังกำพร้าชั้นบนออก ที่อาจช่วยลดรอยดำจากสิวที่หลัง สามารถทำได้หลังจากสิวหายแล้ว
    • การบำบัดด้วยแสง คือการฉายแสงเพื่อช่วยลดรอยสิวที่หลัง โดยอาจต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้ง

    วิธีป้องกันรอยสิวที่หลัง

    วิธีป้องกันรอยสิวที่หลัง ควรเริ่มจากการรักษาสิวที่หลังอย่างเหมาะสม ดังนี้

    • กลุ่มยาเรตินอยด์ (Retinoid) เช่น เตรทติโนอิน (Tretinoin) อะดาพาลีน (Adapalene) ทาซาโรทีน (Tazarotene) มีในรูปแบบครีมทาเฉพาะที่ เหมาะสำหรับการรักษาสิวที่หลังที่มีความรุนแรงระดับปานกลาง ใช้เพื่อช่วยป้องกันรูขุมขนอุดตัน ยานี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวไวต่อแสงแดด ผิวลอก ผิวระคายเคือง ดังนั้นจึงควรใช้ทาก่อนนอน
    • ยาปฏิชีวนะ เช่น คลินดามัยซิน (Clindamycin) เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ใช้เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง ลดการอักเสบของสิว และช่วยลดสิวอุดตัน โดยควรใช้ร่วมกับยากลุ่มเรตินอยด์เพื่อให้การรักษาสิวที่หลังมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากยากลุ่มเรตินอยด์อาจทำให้ผิวไวต่อแสงจึงควรใช้ในช่วงเวลากลางคืนและใช้ยาปฏิชีวนะในช่วงเช้า นอกจากนี้ ยาปฏิชีวนะยังมีนรูปแบบรับประทาน เช่น เตตราไซคลีน (Tetracycline) หรือแมคโครไลด์ (Macrolide) สำหรับบุคคลทั่วไปคุณหมออาจให้รับประทานยาเตตราไซคลีน แต่สำหรับสตรีตั้งครรภ์และเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สามารถใช้ได้เพียงแค่ยาแมคโครไลด์ เนื่องจากยาเตตราไซคลีนอาจส่งผลอันตรายต่อเด็กและทารกในครรภ์
    • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เป็นส่วนประกอบที่มักอยู่ในครีม โลชั่น หรือยา มีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ต้านเชื้อแบคทีเรียและป้องกันการอุดตันในรูขุมขน โดยควรทาวันละ 2 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของคุณหมอ
    • แดพโซน (Dapsone) เป็นยาฆ่าเชื้อชนิดเจลทาเฉพาะที่ใช้เพื่อลดอาการรุนแรงของสิวที่หลัง ควรทาในปริมาณเท่าเม็ดถั่วเขียว วันละ 1 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของคุณหมอ
    • ยายับยั้งฮอร์โมนแอนโดรเจน เป็นยาในรูปแบบรับประทานที่อาจช่วยชะลอการหลั่งฮอร์โมนแอนโดรเจนเพื่อลดการผลิตน้ำมันที่ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิว เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวที่หลังที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
    • ยาไอโซเตรทติโนอิน (Isotretinoin) เป็นยาในรูปแบบรับประทาน เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวที่หลังในระดับปานกลางถึงรุนแรง หรือเป็นสิวซีสต์ และไม่ตอบสนองต่อการรักษารูปแบบอื่น ๆ โดยใช้เพื่อช่วยลดสิวอุดตันและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย อย่างไรก็ตาม ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ลำไส้อักเสบ ซึมเศร้า ดังนั้น ในระหว่างที่ใช้ยาไอโซเตรทโนอินควรเข้าพบคุณหมอตามกำหนดเพื่อติดตามอาการ

    นอกจากนี้ ควรผ่อนคลายความเครียด รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดการรับประทานอาหารรสจัด และอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง เช่น อาหารทอด อาหารแปรรูป ขนมหวาน อีกทั้งควรรักษาสุขอนามัยให้สะอาด โดยการกำจัดสิ่งสกปรกด้วยสบู่สูตรอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการขัดผิวรุนแรง หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้ารัดรูป และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสภาพอากาศร้อนเพื่อป้องกันเหงื่อออกมากจนอุดตันในรูขุมขน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการเกิดสิวและรอยสิวที่หลัง

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 05/04/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา