กำจัดสิวหัวดำ ด้วยวิธีง่าย ๆ แบบธรรมชาติไม่ทำร้ายผิว

กำจัดสิวหัวดำ เป็นหนึ่งในวิธีดูแลปัญหาสุขภาพผิวบนใบหน้า สิวหัวดำทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใสเรียบเนียน ในขณะเดียวกันอาจสร้างปัญหาด้านสุขภาพจิตได้ด้วย เพราะสิวหัวดำอาจทำให้ขาดความมั่นใจ สำหรับการกำจัดสิวหัวดำนั้นทำได้ง่ายด้วยวิธีธรรมชาติ นอกจากจะช่วยประหยัดแล้ว ยังอาจช่วยบำรุงผิวได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้อาจมีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย

สิวหัวดำ คืออะไร 

สิวหัวดำ เป็นสิวชนิดหนึ่งที่เกิดจากการรวมกันของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว กับน้ำมันจากต่อมไขมันที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศจนกลายเป็นสีดำ เมื่อรูขุมขนเปิดอาจทำให้มองเห็นเป็นจุดดำบนผิวหน้า

สิวหัวดำ เกิดจากอะไร 

• เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ภายในร่างกายเช่นเดียวกับสิวประเภทอื่น ๆ โดยสิวประเภทนี้มักจะเกิดกับวัยรุ่น หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่กำลังรับประทานยาคุมกำเนิด ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมากกว่าในวัยอื่น 
• การอุดตันของสิ่งสกปรก สิ่งสกปรกภายในรูขุมขน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของการเกิด สิวหัวดำ ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ผิวตายที่ตกค้างอยู่บนผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือเครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน หรือการทำความสะอาดที่ไม่ดีพอ
• การโกนหนวด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้เกิดสิวหัวดำขึ้นได้ เพราะการโกนหนวดเป็นเหมือนการเปิดรูขุมขน และทำลายเกราะป้องกันผิวชั้นแรก ทำให้ต่อมผลิตไขมันต้องผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ เพื่อปกป้องผิวในบริเวณดังกล่าว 
• ความเครียด เป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เพิ่มโอกาสในการเกิดสิวหัวดำ
• สเตียรอยด์ เป็นสารกระตุ้นทำให้เกิดสิว ในเครื่องสำอางมักมีส่วนผสมของสเตียรอยด์เพราะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แต่จัดเป็นสารอันตรายต่อผิวหนังอย่างมาก เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผิวอ่อนแอ ปัญหาสิว

กำจัดสิวหัวดำ ด้วยวิธีธรรมชาติ

การใช้วัตถุดิบหรือส่วนผสมทางธรรมชาติเพื่อกำจัดสิวหัวดำออกจากใบหน้าอาจเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างปลอดภัย เพราะสารสกัดธรรมชาติมักอ่อนโยนต่อผิว และเสี่ยงต่ำที่จะก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยวิธีกำจัดสิวหัวดำอาจมีดังนี้

ขัดใบหน้าด้วยผลไม้ 

การขัดผิวหน้าเบา ๆ ด้วยเนื้อสครับจากวัตถุดิบธรรมชาติที่มีความอ่อนโยน จะช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเก่าออกได้โดยไม่ทำร้ายผิว การขัดผิวที่รุนแรงอาจทำผิวอักเสบ และอาการของสิวหัวดำแย่ลงได้ วิธีการง่าย ๆ ที่ทำได้ที่บ้าน คือ การใช้เปลือกผลไม้ที่เนื้อหยาบแต่พื้นผิวข้างนุ่มแต่ เช่น เปลือกส้ม เปลือกกล้วย มาบดละเอียด ผสมเข้ากับส่วนผสมอื่น เช่น น้ำผึ้ง น้ำมันอะโวคาโด แล้วใช้ขัดหน้าเบา ๆ เป็นวงกลมเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกอย่างอ่อนโยน

ใช้น้ำผึ้งนวดวนก่อนการการล้างหน้า

การนวดด้วยน้ำผึ้งบริเวณที่เป็นสิวหัวดำก่อนการล้างหน้า อาจช่วยลดการเกิดสิวหัวดำได้ เพราะความเหนียวข้นของน้ำผึ้งอาจช่วยดึงเอาสิ่งสกปรกหรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งตกค้างในรูขุมขนออกมา อีกทั้งคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในการต้านเชื้อแบคทีเรีย และมีสารต้านอนุมูลอิสระ อาจช่วยลดโอกาสการเกิดสิวหัวดำ วิธีการดังกล่าวควรใช้ขณะที่หน้าแห้ง ยิ่งน้ำผึ้งข้นเท่าไหร่ยิ่งดี 

ลองใช้ไข่ขาวลอกสิวเสี้ยน

การแก้ปัญหาสิวหัวดำโดยใช้ไข่ขาวนับเป็นวิธีที่นิยมกันมากในกลุ่มคนเป็นสิวหัวดำ วิธีการคือ นำไข่ขาวมาทาลงบนหน้า เน้นย้ำบริเวณที่เป็นสิวหัวดำมากกว่าจุดอื่น รอสักประมาณ 15 นาที หรือจนรู้สึกแห้งตึง หลังจากนั้นให้ใช้ผ้าชุดน้ำอุ่นเช็ดวนเบา ๆ บนใบหน้าจนสะอาด แต่วิธีนี้อาจไม่เหมาะหากไม่ชอบกลิ่นคาวของไข่

มาส์กโคลนช่วยได้ 

การมาส์กหน้าด้วยโคลนธรรมชาติ เป็นวิธียอดนิยมอีกวิธีหนึ่ง เพราะโคลนจะทำหน้าที่ดูดจับสิ่งสกปรกที่ตกค้างและอุดตันอยู่บนผิวให้ออกมา เพียงแค่เลือกซื้อผลิตภัณฑ์โคลนจากธรรมชาติ มาผสมกับน้ำ หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่น ตามความต้องการ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้ง ผสมทุกอย่างให้เข้ากันก่อนนำมาทาบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้จนรู้สึกว่าเนื้อโคลนแห้ง ก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่น

ใช้น้ำมะนาว

ควรเลือกใช้น้ำมะนาวและน้ำมันจากธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อผิว อย่างโจโจ้บาออยล์ หรืออื่น ๆ หยดลงบนแปรงนุ่ม ๆ เล็กน้อย แล้วนำไปขัดวนบริเวณที่เป็น สิวหัวดำ ความเป็นกรดของน้ำมะนาวช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า โดยยังคงความชุ่นชื้นด้วยน้ำมันธรรมชาติที่ผสมลงไป แต่ควรทำเพียงสัปดาห์ละหนึ่งครั้งเท่านั้น เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อผิว และผลข้างเคียงอื่นที่อาจเกิดขึ้นได้จากกรดในมะนาว เช่น ผื่นแดง อาการคัน 

เคล็ดลับช่วยลดโอกาสเกิด สิวหัวดำ  

วิธีการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่กล่าวมานั้นอาจช่วยกำจัดสิวหัวดำหายไปแบบชั่วครั้งชั่วคราว แต่ควรหาวิธีป้องกันเพื่อลดโอกาสการเกิดสิวหัวดำ โดยหมั่นดูแลผิวหน้าเป็นประจำตามคำแนะนำต่อไปนี้

คำแนะนำข้างต้นอาจช่วยลดโอกาสการเกิดสิวหัวดำ และช่วยกำจัดสิวหัวดำเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะการกำจัดสิวหัวดำอย่างถาวรนั้นยังไม่สามารถทำได้ ที่สำคัญ การใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลรักษาผิวแม้จะเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติก็อาจเสี่ยงให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือมีความเสี่ยงที่จะแพ้สารบางอย่างในผลิตภัณฑ์ ดังนั้น หากเกิดอาการแพ้ควรหยุดใช้ทันทีและรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป