วิธีรักษาสิวอาจเป็นการปรับกระบวนการผลิตน้ำมันบนผิวให้สมดุล กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเพื่อไม่ให้รู้ขุมขนอุดตัน รวมถึงการจำกัดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สำหรับวิธีรักษาสิวอาจทำได้ดังนี้
วิธีรักษาสิวด้วยยาเฉพาะที่
วิธีนี้อาจเป็นวิธีรักษาสิวที่พบบ่อยที่สุด แต่อาจต้องให้คุณหมอเป็นผู้สั่งจ่ายยาให้ ซึ่งยาเฉพาะที่สำหรับรักษาสิว ได้แก่
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) อาจช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียส่วนเกินที่ผิวหนัง ลดรอยแดง และการอักเสบ ในช่วง 2-3 เดือนแรก อาจใช้ยาปฏฺิชีวินะเฉพาะที่ในตอนเช้า และในช่วงเย็นอาจใช้เรตินอยด์ร่วมด้วย ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่ เช่น คลินดามัยซิน (Clindamycin) อีริโทรมัยซิน (Erythromycin) มักถูกใช้ร่วมกับเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เพื่อไม่ให้สิวดื้อต่อการใช้ยา
- แดพโซน (Dapsone) เป็นยาในกลุ่มยาต่อต้านเชื้อแบคทีเรียอยู่ในรูปแบบเจล สำหรับสิวอักเสบอาจใช้ทาวันละ 2 ครั้ง แดพโซนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบริเวณผิวหนังที่ทา เช่น อาการแดงของผิวหนัง ผิวหนังแห้งกร้าน
- เรตินอยด์ (Retinoids) มีกรดเรติโนอิก (Retinoic Acids) หรือเทรติโนอิก (Tretinoin) เป็นส่วนผสม อาจเหมาะสำหรับรักษาสิวในระดับปานกลาง มีทั้งรูปแบบเจล หรือโลชั่น อาจใช้เรตินอยด์ทาในตอนเย็น โดยเริ่มจากสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เมื่อผิวคุ้นเคยกับตัวยาแล้วจึงอาจเปลี่ยนมาทาทุกวัน เพื่อช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน แต่สิ่งที่ควรระวัง คือ ไม่ควรใช้เทรติโนอิกพร้อมกับเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) นอกจากนั้น เรตินอยด์ยังอาจทำให้ผิวไวต่อแสง ผิวแห้งและแดงอีกด้วย
- กรดอะเซลาอิก (Azelaic Acid) และกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เป็นกรดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อาจมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคมีเรีย ป้องกันการอุดตันของรูขุมขน กรดทั้ง 2 ชนิดนี้ หากใช้วันละ 2 ครั้ง อาจทำให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยานี้อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ได้แก่ ผิวหนังเป็นสีแดง ระคายเคือง สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาคุณหมอก่อนตัดสินใจรักษาสิวด้วยกรดทั้ง 2 ชนิดนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย