หากมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ พร้อมผดผื่นจำนวนมากที่ปรากฏอยู่บนผิวหนัง อาจเป็นไปได้ว่ากำลังมีสัญญาณแรกเริ่มของโรค หัดเยอรมัน (Rubella) และอาจจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง
หากมีอาการปวดศีรษะ มีไข้ พร้อมผดผื่นจำนวนมากที่ปรากฏอยู่บนผิวหนัง อาจเป็นไปได้ว่ากำลังมีสัญญาณแรกเริ่มของโรค หัดเยอรมัน (Rubella) และอาจจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
โรคหัดเยอรมัน (Rubella) คือ โรคติดต่ออีกประเภทหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่งผลให้เกิดผื่นแดงจำนวนมากตามร่างกาย โรคนี้สามารถส่งต่อเชื้อจากคนสู่คนได้ ผ่านทางละอองฝอยน้ำลายจากการไอหรือจามของผู้ติดเชื้อ หรือแม้แต่การรับประทานอาหารในภาชนะเดียวกันกันกับผู้ติดเชื้อ
ถึงแม้ว่าโรคนี้อาจจะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากอาการต่าง ๆ อาจจางหายไปได้เองภายใน 3 วัน ถึง 1 สัปดาห์ แต่โรคนี้ก็อาจส่งผลรุนแรงได้กับสตรีตั้งครรภ์ เพราะเชื้อไวรัสดังกล่าวอาจเข้าไปขัดขวางพัฒนาการของทารก ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติด้านการทำงานของหัวใจ และสมองได้เลยทีเดียว
โรคหัดเยอรมันอาจเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ และทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ จนส่งผลกระทบต่อไปยังทารกในครรภ์ที่อาจไดรับเชื้อไวรัสร่วมด้วยเช่นกัน
สัญญาณเตือนทางกายเบื้องต้นเมื่อได้รับเชื้อไวรัส อาจปรากฏออกมาหลังจากเชื้อฝักตัวแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์ ซึ่งมีอาจมีอาการที่สังเกตได้ชัด ดังนี้
เนื่องจาก โรคหัดเยอรมัน เกิดจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ง่าย สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรืออาจสามารถแพร่กระจายเชื้อผ่านทางอากาศ ด้วยการไอหรือจาม ให้เชื้อปะปนไปในละอองฝอยน้ำลาย ดังนั้น การที่คุณจะได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย อาจเป็นไปได้ว่ามาจากสาเหตุที่ได้กล่าวไปข้างต้น
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใด คุณก็สามารถอาจประสบกับโรคหัดเยอรมันได้ด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มของสตรีตั้งครรภ์ และผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ไวรัสที่ก่อให้เกิด โรคหัดเยอรมัน อาจมีความคล้ายกับไวรัสชนิดอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบให้คุณล้มป่วย แพทย์จึงอาจต้องเริ่มการวินิจฉัยด้วยการตรวจเลือด ทดสอบแอนติบอดี เพื่อเป็นข้อบ่งชี้ว่าในภูมิคุ้มกันคุณนั้นมีเชื้อไวรัสแทรกซ้อนอยู่หรือไม่ แล้วจึงทำการพิจารณาหาวิธีรักษาที่เหมาะสมแก่สภาวะทางร่างกายของคุณเป็นลำดับถัดไป
ในการรักษา โรคหัดเยอรมัน สำหรับผู้ป่วยกรณีที่ไม่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้คุณตัวแยกออกจากผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ พร้อมใช้ยาบรรเทาอาการต่าง ๆ ตามที่คุณมี แต่สำหรับผู้ป่วยในกรณีรุนแรง โดยเฉพาะที่ผู้ป่วยที่เป็นสตรีตั้งครรภ์ แพทย์อาจรักษาด้วยแอนติบอดี ที่มีชื่อว่า ไฮเปอร์อิมมูน โกลบูลิน (hyperimmune globulin) ที่มีคุณสมบัติในการต้านเชื้อไวรัส และลดความเสี่ยงการเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์
นอกจากนี้คุณควรรับประทานยาให้ตรงต่อเวลา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดร่วม เพื่อเป็นการพักฟื้นร่างกายให้หายจาก โรคหัดเยอรมัน โดยไว
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
เนตรนภา ปะวะคัง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย