การตัดสินใจรักษา คีลอยด์ อาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะแผลเป็นนูนนั้นมาจากการที่ร่างกายพยายามซ่อมแซมตัวเอง ดังนั้นหากตัดสินใจที่จะลบรอยแผลเป็นนูนออก ก็อาจจะต้องทำใจว่ามันอาจจะสามารถกลับมาเป็นได้อีก และบางครั้งมันอาจจะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ก่อนที่จะไปพบแพทย์ ลองใช้น้ำมันที่ให้ความชุ่มชื่นซึ่งมีอยู่ทั่วไปมาลองทาที่แผลเป็นนูนดู เพื่อช่วยให้เนื้อเยื่ออ่อนลง ซึ่งการทำเช่นนี้อาจช่วยให้ขนาดของแผลเป็นลดลง นอกจากนั้นแผลเป็นนูนยังอาจมีแนวโน้มที่จะหดตัวและราบเรียบอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้รับการรักษาก็ตาม
ในขั้นต้นแพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้วิธีการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด เช่น แผ่นซิลิโคน หรือหากเป็นแผลกดทับก็อาจจะใช้การฉีดโดยเฉพาะ ซึ่งจะเหมาะกับแผลเป็นนูนที่ค่อนข้างใหม่ การรักษาเหล่านี้ต้องทำบ่อยๆ และระมัดระวัง เพื่อให้มีประสิทธิภาพ จึงใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนในการรักษา รวมถึงการเยียวยาอื่นๆ ที่บ้านหากเป็นแผลเป็นนูนที่เป็นมานานแล้ว
การผ่าตัด
ในกรณีที่แผลเป็นนูนมีขนาดใหญ่มาก หรือเป็น แผลเป็น ที่เป็นมานานแล้ว แนะนำให้ทำการผ่าตัดออก ซึ่งอัตราการหายหลังจากผ่าตัดเอาแผลเป็นนูนออกจะค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามข้อดีของการกำจัดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ด้วยการผ่าตัดก็ยังอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผลเป็นหลังผ่าตัดได้
การรักษาด้วยความเย็น อาจเป็นวิธีการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับแผลเป็นนูน การผ่าตัดแบบนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ไครโอเทอราพี (Cryotherapy) ซึ่งกระบวนการทำงานของไครโอเทอราพี คือการแช่แข็ง เพื่อกำจัด คีลอยด์ ด้วยไนโตรเจนเหลว
แพทย์อาจแนะนำให้ฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) หลังการผ่าตัด เพื่อลดการอักเสบและลดความเสี่ยงของการกลับมาเป็นแผลเป็นนูน
การรักษาด้วยเลเซอร์
สำหรับ แผลเป็น บางประเภท รวมถึงแผลเป็นนูนบางส่วน แพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้วิธีการรักษาด้วยเลเซอร์ การรักษาวิธีนี้จะช่วยฟื้นฟูผิวตรงที่เป็นแผลเป็นนูน และผิวรอบข้างด้วยลำแสงที่มีความสว่างสูง เพื่อสร้างความเรียบเนียนและกระชับยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยเลเซอร์ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้แผลเป็นนูนแย่ลง โดยทำให้เกิดรอยแผลเป็นและรอยแดงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลข้างเคียงเหล่านี้บางครั้งอาจจะดีกว่า แผลเป็น ดั้งเดิม
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย