backup og meta

Seborrheic Dermatitis (เซ็บเดิร์ม) อาการ การรักษาและการป้องกัน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย · โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 25/01/2023

    Seborrheic Dermatitis (เซ็บเดิร์ม) อาการ การรักษาและการป้องกัน

    Seborrheic Dermatitis หรือโรคผื่นแพ้ต่อมไขมันอักเสบ เป็นภาวะผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งที่ส่งผลให้ผิวหนังเป็นสะเก็ดบริเวณที่มีต่อมไขมันอยู่มาก และมีอาการคัน ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อรา ความเครียด สภาพอากาศ กรรมพันธุ์ และมักพบได้ทุกช่วงอายุ ทุกเพศทุกวัย หากสังเกตว่ามีอาการของโรคเซ็บเดิร์ม ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังควรดูแลสุขภาพผิวและหนังศีรษะเพื่อช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคเซ็บเดิร์ม แต่ภาวะนี้ยากที่จะรักษาให้หายขาดได้

    Seborrheic Dermatitis คืออะไร

    Seborrheic Dermatitis คือ ภาวะผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมันในชั้นผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ เปลือกตา คิ้ว หน้าอก ข้างจมูก ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) ที่อาศัยอยู่ในรูขุมขนเนื่องจากเชื้อราเจริญเติบโตมากเกินไป โรคเซ็บเดิร์มสามารถเริ่มเป็นได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 เดือน และอาจกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้งเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และวัยสูงอายุ

    นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้เป็นโรคเซ็บเดิร์ม ดังนี้

  • กรรมพันธุ์ในครอบครัว
  • ฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ที่อาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากจนเกินไป ทำให้เชื้อราเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และเสี่ยงเป็นโรคเซ็บเดิร์ม
  • สภาพผิวมัน เป็นสิวบ่อย
  • สภาพอากาศหนาว แห้งหรือร้อน
  • ความเครียด
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่มีภาวะตับอ่อนอักเสบ ผู้ที่ทำเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ
  • ภาวะสุขภาพ เช่น ภาวะซึมเศร้า โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคลมบ้าหมู โรคพาร์กินสัน โรคสะเก็ดเงิน โรคพิษสุราเรื้อรัง และโรคโรซาเซีย (Rosacea)
  • อาการของเซ็บเดิร์ม

    อาการของเซ็บเดิร์ม อาจมีดังนี้

    • ผิวหนังเป็นสะเก็ดสีขาวบริเวณหนังศีรษะ ผม คิ้ว หนวด หน้าอก เปลือกตา ใบหู รักแร้ ขา และข้างจมูก
    • ผดผื่น รอยแดง และมีอาการคัน

    หากพบว่ามีอาการคันรุนแรงจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือมีความกังวลว่าผิวหนังจะติดเชื้อ ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว

    การรักษาเซ็บเดิร์ม

    การรักษาเซ็บเดิร์มอาจทำได้ ดังนี้

    • ยาฟลูโอซิโนโลน (Fluocinolone) คือยาบรรเทาอาการอักเสบ ลดอาการบวม อาการคัน และรอยแดง โดยใช้ทาผิวหนังวันละ 3-4 ครั้ง ยกเว้นบริเวณใบหน้า ขาหนีบและใต้วงแขน ก่อนทายานี้ควรทำความสะอาดผิวและเช็ดให้แห้งสนิท
    • ยาโคลเบทาซอล (Clobetasol) ใช้เพื่อช่วยรักษาอาการบวมที่ผิวหนังและบรรเทาอาการคัน วันละ 2 ครั้ง หรือตามดุลพินิจของคุณหมอ สามารถทาบาง ๆ บนผิวหนังที่ตัว ยกเว้นใบหน้า ขาหนีบและใต้วงแขน
    • ยาเดโซไนด์ (Desonide) ใช้เพื่อรักษาโรคผิวหนังอักเสบและช่วยบรรเทาอาการคัน โดยควรทาวันละ 2-3 ครั้ง หรือตามดุลพินิจของคุณหมอ
    • ยาพิเมโครลิมัส (Pimecrolimus) ใช้สำหรับการรักษาโรคผิวหนังที่เกิดจากภูมิแพ้ เพื่อช่วยยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและลดปฏิกิริยาการแพ้ โดยทาบาง ๆ ผิวหนังบริเวณที่ได้รับผลกระทบวันละ 2 ครั้ง
    • ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ใช้สำหรับการรักษาโรคผิวหนังติดเชื้อรา เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา โดยควรทาวันละ 2 ครั้ง ในบริเวณผิวหนังที่ได้รับผลกระทบ เช่น คอ หน้าอก ขา
    • ยาซีลีเนียม ซัลไฟด์ (Selenium sulfide) คือยาในรูปแบบแชมพูสระผม เหมาะสำหรับการรักษา Seborrheic Dermatitis บนหนังศีรษะ เพื่อช่วยลดการอักเสบ อาการคัน หนังศีรษะลอกเป็นขุย และอาการบวมแดง โดยเขย่าขวดก่อนใช้งาน จากนั้นชโลมบนหนังศีรษะให้ทั่วและทิ้งเอาไว้ 2-3 นาที ก่อนล้างออก ควรใช้ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์
    • ยาต้านเชื้อรา คุณหมออาจให้รับประทานยาต้านเชื้อราในรูปแบบเม็ด เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซ็บเดิร์มเนื่องจากการติดเชื้อราที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น

    การป้องกันเซ็บเดิร์ม

    การป้องกันเซ็บเดิร์มอาจทำได้ ดังนี้

    • ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อลดความมันบนใบหน้าและกำจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขน อีกทั้งควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับสภาพผิว ปราศจากน้ำมันและสารระคายเคือง
    • หลีกเลี่ยงการใช้สเปรย์และเจลจัดแต่งทรงผม เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนบนหนังศีรษะ ที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคเซ็บเดิร์ม
    • บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
    • สวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อช่วยลดการขับเหงื่อ ซึ่งอาจช่วยป้องกันปัญหาผิวมันและการอุดตันในรูขุมขน
    • ล้างเครื่องสำอางบนหน้าให้สะอาด ไม่ควรทิ้งไว้ข้ามคืน และไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เพราะอาจอุดตันในรูขุมขนและกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเซ็บเดิร์ม
    • ควรใช้ยาและแชมพูสำหรับรักษาเซ็บเดิร์มจนกว่าจะหายขาด หรือตามดุลพินิจของคุณหมอ เพื่อบรรเทาอาการเซ็บเดิร์ม

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย

    โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 25/01/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา