backup og meta

ยาระบายจากธรรมชาติ ที่ช่วยแก้อาการท้องผูก ทำให้คุณขับถ่ายคล่องขึ้น

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 23/11/2020

    ยาระบายจากธรรมชาติ ที่ช่วยแก้อาการท้องผูก ทำให้คุณขับถ่ายคล่องขึ้น

    เวลาที่ท้องผูก ขับถ่ายไม่สะดวก หลายคนอาจเลือกซื้อยาระบายมากิน เพราะสามารถกระตุ้นการขับถ่ายได้อย่างรวดเร็ว แต่ยาระบายประเภทนี้ ควรใช้แค่เป็นครั้งคราวเท่านั้น เพราะหากคุณใช้บ่อยเกินไป หรือใช้ในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดการดื้อยา และส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดี วันนี้ Hello คุณหมอ เลยมีตัวเลือกที่อาจเหมาะสมกับคุณมากกว่า อย่าง ยาระบายจากธรรมชาติ มาแนะนำให้คุณลองกินเมื่อเกิดอาการท้องผูก รับรองว่า คุณจะขับถ่ายได้ดีขึ้น แถมยังดีต่อสุขภาพมากกว่าด้วย

    ยาระบายจากธรรมชาติ ที่คุณควรลอง

    ลูกพรุน

    ลูกพรุน คือลูกพลัมตากแห้ง อุดมไปด้วยไฟเบอร์หรือใยอาหารซึ่งส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย ไฟเบอร์ในลูกพรุนเป็นไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ (Insoluble Fiber) เรียกว่าเซลลูโลส (Cellulose) ที่ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในอุจจาระ อีกทั้งเมื่อไฟเบอร์ในลูกพรุนถูกจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่หมักจนกลายเป็นกรดไขมันสายสั้น (Short chain fatty acid) ก็จะช่วยให้อุจจาระเป็นก้อน และขับถ่ายได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ ในลูกพรุนยังมีน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่เรียกว่า ซอร์บิทอล (Sorbitol) ซึ่งร่างกายของเราดูดซึมได้ไม่ดีนัก จึงช่วยเพิ่มน้ำในลำไส้ใหญ่ และมีฤทธิ์เป็นยาระบายได้ในบางคน

    ผลไม้ตระกูลส้ม

    ผลไม้ตระกูลส้ม หรือผลไม้ตระกูลซิตรัส เช่น ส้มเขียวหวาน ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มโอ มะนาว เลมอน เกรปฟรุต ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งไฟเบอร์ชั้นดี โดยเฉพาะไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ที่ชื่อว่า เพกติน (Pectin) ที่ช่วยให้อุจจาระเคลื่อนที่ภายในลำไส้ด้วยเวลาที่เหมาะสม ไม่เร็วหรือช้าเกินไป อาการท้องผูกของคุณจึงลดลง

    งานศึกษาวิจัยในสัตว์หลายชิ้นเผยว่า สารฟลาโวนอยด์ในผลไม้ตระกูลส้มที่เรียกว่า นารินเจนิน (Naringenin) ที่ช่วยเพิ่มการหลั่งของเหลวในลำไส้ใหญ่ และส่งผลเหมือนยาระบาย ทำให้สัตว์ทดลองขับถ่ายได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน งานวิจัยเกี่ยวกับประเด็นนี้ในมนุษย์ยังมีไม่มากพอ จึงต้องมีการศึกษาวิจัยกันเพิ่มเติมต่อไป เพื่อที่จะได้มีข้อมูลเพียงพอในการยืนยันว่าจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกันหรือไม่

    ผักใบเขียวเข้ม

    ผักใบเขียวเข้ม เช่น เคล คะน้า ผักโขม ปวยเล้ง กะหล่ำปลี อุดมไปด้วยไฟเบอร์และแมกนีเซียม ซึ่งสารอาหารทั้งสองชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นยาระบายตามธรรมชาติ ช่วยให้อุจจาระเป็นก้อน อ่อนนุ่ม และมีน้ำหนักมากขึ้น จึงสามารถเคลื่อนที่ผ่านลำไส้ได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้คุณขับถ่ายได้สะดวก ท้องไม่ผูก

    มันหวาน

    มันหวานก็เป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่มีไฟเบอร์สูงมาก ทั้งไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำอย่างเพกติน และไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำอย่าง เซลลูโลสและลิกนิน (Lignin) โดยงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับผลของการกินมันหวานในช่วงทำเคมีบำบัดชิ้นหนึ่ง พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่กินมันหวาน 200 กรัมติดต่อกันเป็นเวลา 4 วัน มีอาการท้องผูก จุกเสียด แน่นท้องน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กินมันหวาน

    แม้มันหวานจะมีฤทธิ์เป็นยาระบายจากธรรมชาติ แต่คนบางกลุ่มก็อาจต้องบริโภคมันหวานอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะคนที่เคยมีนิ่วในไต เพราะในมันหวานมีออกซาเลต (Oxalate) ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดนิ่วแคลเซียมออกซาเลตในไตได้

    แอปเปิ้ล

    แอปเปิ้ลเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ซึ่งช่วยในการขับถ่าย การกินแอปเปิ้ลขนาดกลางพร้อมเปลือก (ประมาณ 182 กรัม) จะให้ไฟเบอร์ 4.4 กรัม ซึ่งคิดเป็น 17% ของปริมาณไฟเบอร์ที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน ไฟเบอร์ส่วนใหญ่ในแอปเปิ้ลเป็นไฟเบอร์ชนิดเพกตินที่จะถูกหมักอยู่ในลำไส้โดยจุลินทรีย์ จนเกิดเป็นกรดไขมันชนิดสายสั้นที่ช่วยดูดซึมน้ำเข้าสู่ลำไส้ จึงทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มขึ้น และช่วยลดเวลาในการเดินทางของอุจจาระในลำไส้ด้วย

    กาแฟ

    สำหรับบางคน การดื่มกาแฟ โดยเฉพาะกาแฟชนิดที่มีคาเฟอีน นอกจากจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังกระตุ้นกล้ามเนื้อในระบบย่อยอาหาร จนทำให้คุณรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำด้วย โดยผลการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า กาแฟที่มีคาเฟอีนสามารถกระตุ้นการทำงานของลำไส้ได้เช่นเดียวกับอาหารที่เรากินในแต่ละมื้อ นอกจากนี้ กาแฟยังมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำในปริมาณเล็กน้อย ไฟเบอร์จะช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ จึงป้องกันอาการท้องผูกได้

    ท้องผูกถึงขั้นนี้ รีบไปพบคุณหมอดีกว่า

    อาหารที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายจากธรรมชาติที่เราแนะนำข้างต้น สามารถช่วยลดอาการท้องผูกได้ เมื่อคุณกินเป็นประจำ ในปริมาณที่เหมาะสม แม้จะไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างฉับพลันเหมือนยาระบาย แต่ก็ดีต่อสุขภาพลำไส้ และสุขภาพโดยรวมมากกว่า

    อย่างไรก็ตาม ยาระบายตามธรรมชาติเหล่านี้ อาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ในระดับเบาถึงระดับระดับปานกลางเท่านั้น หากคุณท้องผูกเรื้อรัง ท้องผูกรุนแรง หรือมีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบคุณหมอทันที อย่าปล่อยไว้

    • ปวดเกร็งท้องแบบฉับพลัน และผายลมไม่ออก
    • อุจจาระมีเลือดปน
    • เจ็บทวารหนัก
    • ปวดท้อง และท้องอืดรุนแรง
    • น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • เดี๋ยวท้องผูก เดี๋ยวท้องเสีย

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 23/11/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา