ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง (Spina Bifida) เกิดจากความผิดปกติของกระดูกสันหลังและไขสันหลัง เป็นความผิดปกติประเภทหนึ่งของท่อประสาท ที่เป็นโครงสร้างตัวอ่อนเกิดขึ้นระหว่างการจัดตัวของกระดูกสันหลังและไขสันหลังตั้งแต่อยู่ในครรภ์ (ท่อประสาทไม่ปิด) โดยปกติท่อประสาทจะเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์และจะปิดมันลงในวันที่ 28 หลังการตั้งครรภ์
ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง (Spina Bifida) เกิดจากความผิดปกติของกระดูกสันหลังและไขสันหลัง เป็นความผิดปกติประเภทหนึ่งของท่อประสาท ที่เป็นโครงสร้างตัวอ่อนเกิดขึ้นระหว่างการจัดตัวของกระดูกสันหลังและไขสันหลังตั้งแต่อยู่ในครรภ์ (ท่อประสาทไม่ปิด) โดยปกติท่อประสาทจะเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์และจะปิดมันลงในวันที่ 28 หลังการตั้งครรภ์
อย่างไรก็ตาม ความผิดปกติเหล่านี้ส่งผลให้ผู้ป่วยมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง ชัก และมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้หรือกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น
ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลังเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทารกผิวขาว นอกจากนี้เพศหญิงที่เป็นโรคเบาหวานหรือโรคอ้วน มีโอกาสเสี่ยงที่ทารกจะเกิดความบกพร่องที่กระดูกไขสันหลัง
สัญญาณและอาการความบกพร่องของกระดูกไขสันหลังแตกต่างกันออกไปตามประเภทและความรุนแรงของแต่ละบุคคล โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
ในปัจจุบันยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของความบกพร่องของกระดูกไขสันหลังได้ แต่มีข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็นผลมาจากทางด้านพันธุกรรม โภชนาการ และสิ่งแวดล้อม เช่น สมาชิกในครอบครัวเคยมีประวัติเกี่ยวกับความผิดปกติทางท่อประสาท และการขาดวิตามินบี 9 (Vitamin B9) หรือ กรดโฟลิก (Folic acid)
ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง พบได้บ่อยในคนผิวขาว เพศหญิง โดยมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ดังนี้
ในเบื้องต้นแพทย์จะสอบถามประวัติและอาการเบื้องต้น รวมถึงการทดสอบอื่น ๆ เพื่อหาความผิดปกติขณะที่ทารกยังอยู่ในครรภ์ ดังนี้
แพทย์สามารถผ่าตัดทารกได้เมื่ออายุเพียงไม่กี่วันหรือในขณะที่ยังอยู่ในครรภ์ หากทารกมีเยื่อหุ้มสมองอักเสบประมาณ 24 ถึง 48 ชั่วโมงหลังคลอดศัลยแพทย์จะใส่พังผืดรอบไขสันหลังกลับเข้าที่และปิดช่องเปิด
การผ่าตัดแพทย์สามารถผ่าตัดขณะทารกอยู่ในครรภ์ ก่อน 26 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเย็บปิดช่องไขสันหลังของทารก
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงต่อความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง ดังนี้
จากการศึกษาที่น่าเชื่อถือหลายชิ้น พบว่า การรับประทานอาหารเสริมที่มีกรดโฟลิก (Folic acid) จะสามารถช่วยในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะบกพร่องของกระดูกไขสันหลังและภาวะทางสุขภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในทารกได้ คุณแม่ตั้งครรภ์หรือผู้ที่กำลังวางแผนจะมีบุตร ควรได้รับ กรดโฟลิก 400 ไมโครกรัม ต่อวัน
ในกรณีที่คุณมีภาวะบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง หรือบุตรของคุณประสบกับโรคดังกล่าว คุณแม่ควรได้รับกรดโฟลิกในปริมาณ 400 ไมโครกรัมต่อวัน อย่างน้อยติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 เดือนโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนการตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก
แหล่งอาหารที่มีการเสริมแร่ธาตุที่คุณจะได้รับ กรดโฟลิก ในปริมาณ 400 ไมโครกรัมต่อ 1 หน่วยการรับประทาน มีดังนี้
นอกจากการรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของแร่ธาตุต่าง ๆ แล้ว ยังมีอาหารที่อุดมไปด้วยกรดโฟลิกที่คุณสามารถหาทานได้ง่าย ดังนี้
มากกว่าไปนั้นแล้ว คุณยังสามารถรับประทานอาหารที่มีบรรจุภัณฑ์ระบุว่ามีส่วนประกอบของ โฟเลต (Folate) ที่ถือเป็นรูปแบบของกรดโฟลิกที่พบในอาหารได้เช่นกัน
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย