backup og meta

สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเลือกใช้เมคอัพถาวร หรือ การสักเพื่อความงาม

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ออมสิน แสนล้อม · แก้ไขล่าสุด 12/05/2020

    สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเลือกใช้เมคอัพถาวร หรือ การสักเพื่อความงาม

    การสักเพื่อความงาม (Cosmetic Tattoo) คือการเสริมความงามถาวร หรือเมคอัพถาวร (Permanent Makeup) บางครั้งอาจเรียกว่า เมคอัพกึ่งถาวร หรือการสักเพื่อความงามกึ่งถาวร ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเสริมเติมแต่งรูปลักษณ์ของสาวๆ ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการสักคิ้ว สักปาก สักขอบตา ซึ่งไม่เพียงแต่จะให้เราสวยขึ้นดังใจต้องการ แต่ยังช่วยประหยัดเวลาในการแต่งหน้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แค่นั้นยังไม่พอ การสักเพื่อความงามยังช่วยทำให้คุณดูสวยอยู่เสมอ แม้จะเป็นวันที่ตื่นสาย ไม่มีเวลาแต่งหน้า หรือต้องหน้าสดไปยิม หากใครสนใจความสวยที่ติดทนนานประเภทนี้ Hello คุณหมอแนะนำให้อ่านบทความนี้เลย

    การสักเพื่อความงาม ทำอย่างไร

    เมคอัพกึ่งถาวร หรือการสักเพื่อความงาม เป็นการใช้เทคนิคไมโครพิคเมนเทชัน (Micro-pigmentation Technique) โดยการใช้เข็มสักใส่สีแล้วสักไปตามผิวหนังเพื่อนำสีเข้าสู่ผิวหนัง การสักเพื่อความงามนี้มีกระบวนการและอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น เครื่องสักแบบคอยล์ (Coil Machines) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่นิยมใช้ในการสักแบบดั้งเดิม ปากกาสัก เครื่องสักโรตารี่ (Rotary Machines) รวมถึงการสักด้วยมือ แบบไม่ใช้เครื่องสัก

    โดยทั่วไปแล้ว กระบวนการสักเพื่อความงาม มีดังนี้

    • รับคำแนะนำเรื่องสภาพสีผิวและวิธีการฝังเม็ดสีเข้าในผิวหนังของผู้รับการสัก
    • ทดสอบว่าผิวแพ้สารบางชนิดหรือไม่
    • ผู้เชี่ยวชาญจะสักเพื่อฝังเม็ดสีลงบนผิวหนัง โดยส่วนใหญ่จะมีการให้ยาชาในบริเวณที่ต้องการสักก่อน และในขณะสักอาจรู้สึกเจ็บเหมือนผึ้งต่อย หรือมดกัด
    • ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสอบคุณภาพงานสัก สีและความแน่นของเม็ดสีว่าตรงตามที่ต้องการหรือไม่

    การสักเพื่อความงาม หรือเมคอัพถาวร ควรทำโดยแพทย์ผิวหนัง ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม พยาบาล หรือช่างสัก ที่ผ่านการฝึกอบรม มีใบอนุญาตถูกต้อง ใช้เทคนิคที่ได้รับการรับรอง ทำงานมีคุณภาพและน่าเชื่อถือ ภายในสถานที่ที่ได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย เท่านั้น

    ประเภทของ การสักเพื่อความงาม

    การสักเพื่อความงาม สามารถทำได้บนผิวหนังหลายส่วน แต่บริเวณที่นิยมสักเพื่อความงามมากที่สุด มีอยู่ 3 บริเวณ คือ ริมฝีปาก คิ้ว และขอบตา

    • ริมฝีปาก

    เพื่อทำให้ริมฝีปากที่คล้ำหรือซีดมีสีสันตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากแดงสด ชมพูสดใส ชมพูแบบธรรมชาติ หรือสีนู้ด หลังสักริมฝีปากแล้ว คุณสามารถจูบลาลิปสติกและลิปไลเนอร์ได้เลย นอกจากการสักปากแล้ว คนยังนิยมสักขอบปากด้วย เพื่อทำให้ขอบปากชัดเจน สีดูเสมอกัน และทาลิปสติกง่ายขึ้น สีดูสวยชัดขึ้น การสักริมฝีปากหรือสักขอบปากไม่เพียงแต่จะช่วยเรื่องสีปากเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้รอยแผลเป็นและรอยย่นที่ริมฝีปากดูเลือนลงด้วย

    • คิ้ว

    การสักคิ้ว หรือแทททูคิ้ว คือทางออกของคนที่มีปัญหาคิ้วบาง ไม่มีคิ้ว ขนคิ้วแหว่ง หรือคิ้วไม่ได้รูป และไม่อยากเสียเวลาวันละหลายสิบนาทีไปกับการนั่งเขียนคิ้ว การสักคิ้วในปัจจุบันมีทั้งการสักคิ้ว 3 มิติ การสักคิ้ว 6 มิติ ที่ทำแล้วคิ้วจะดูเป็นธรรมชาติ สมจริงยิ่งกว่าการสักคิ้วเพื่อความงามในอดีต จนบางคนแทบไม่ต้องเขียนคิ้วเลย หรือหากอยากให้คิ้วดูเป๊ะขึ้นก็แค่เขียนเพิ่มนิดหน่อยเท่านั้น

    ขอบตา

    การสักขอบตา หรือสักอายไลเนอร์ สามารถทำได้ทั้งขอบตาบนและขอบตาล่าง มีหลากหลายรูปแบบและสีสันให้เลือก จะสักสีอ่อนๆ แบบเป็นธรรมชาติ หรือสีเข้มชัดเจนก็ได้

    นอกจากริมฝีปาก คิ้ว และขอบตาแล้ว เมคอัพถาวรยังสามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ เช่น สักปิดรอยแผลเป็น สักปิดไฝ สักเลียนแบบเส้นผม สักไรผม สักหัวนม

    สิ่งที่ควรรู้ก่อนสักเมคอัพถาวร

    • หากสักคิ้ว คุณไม่ควรเลือกสีสักที่เข้ากับสีผม เพราะคนเราสามารถย้อมสีผมได้ตลอด แต่ควรเลือกสีสักคิ้วให้เข้ากับโทนสีผิวมากกว่า
    • ส่วนใหญ่สีที่สักไว้จะจางลงบ้าง และต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์จึงจะเห็นสีจริงๆ
    • หลังสักเมคอัพถาวร เนื้อเยื่อในบริเวณที่สักจะบวมและแดง จึงทำให้สีที่สักไว้ดูเข้มและวาว
    • คุณสามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม และทายาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้
    • ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวหนังบริเวณที่สักสัมผัสแสงแดดโดยตรง ทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันรังสียูวีเอและยูวีบี เพื่อป้องกันการอักเสบจนบริเวณที่สักไว้เปลี่ยนสี
    • การสักเพื่อความสวยงามอาจทำให้ติดเชื้อ หรืออาการแพ้ได้ เช่น แพ้สีสัก

    แม้จะได้ชื่อว่าเมคอัพถาวร แต่เมื่อเวลาผ่านไป สีที่สักไว้ก็สามารถจางลงได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สารเคมีในร่างกายแต่ละคน คุณภาพของสีสักที่ใช้ ไลฟ์สไตล์หลังสัก หากคุณโดนแดดบ่อย หรือมีการขัดหน้า ลอกหน้าเป็นประจำ ก็อาจทำให้สีที่สักไว้จางเร็วขึ้นได้ หรือหากใครใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีวิตามินซี ไฮโดรควิโนน เรตินอล เป็นต้น ก็จะยิ่งทำให้สีที่สักไว้จางไวเป็นสองเท่า จึงอาจต้องมีการสักซ้ำ หรือเติมสีบ้าง

    อีกเรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรลืมเลยก็คือ คุณต้องคุยกับผู้เชี่ยวชาญให้เข้าใจ บอกความต้องการของคุณให้แน่ชัด ก่อนลงมือสัก เพราะหากสักไปแล้วผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ คุณอาจต้องลบรอยสักด้วยกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลเซอร์ การผ่าตัด หรือการกรอผิวหนัง (Dermabrasion) เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยแล้ว ยังอาจมีผลข้างเคียง เช่น แผลเป็น ผิวหนังสีอ่อนลง ที่คุณอาจต้องมานั่งหาวิธีแก้ไข และเสียค่ารักษาอีกมากเลยก็ได้

    Hello Health Group ไม่รับปรึกษาแนะนำทางการแพทย์ วินิฉัยหรือรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ออมสิน แสนล้อม · แก้ไขล่าสุด 12/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา