backup og meta

Massage (การนวด) คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 27/12/2022

    Massage (การนวด) คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร

    Massage หมายถึง การนวด ซึ่งอาจมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การนวดแผนไทย การนวดน้ำมันอโรมา ที่อาจช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย ลดความเครียด และอาจลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ โดยควรเลือกการนวดให้เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ ป้องกันอาการปวดเมื่อยแย่ลง

    Massage คืออะไร

    Massage คือ การนวดบำบัดด้วยการใช้มือหรืออุปกรณ์กด บีบ คลึงกล้ามเนื้อหรือลูบผิวหนัง โดยเทคนิคและวิธีการนวดอาจแตกต่างกันตามแต่ละประเภท ดังนี้

    • นวดแผนไทย

    นวดแผนไทย คือ การนวดแผนโบราณซึ่งเป็นศาสตร์การบำบัดร่างกาย ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดอาการปวดเมื่อย ปรับความยืดหยุ่นของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด โดยจะเน้นการนวด กด คลึง ดึง โยกและบีบด้วยมือหรือลูกประคบที่ทำจากสมุนไพร

    จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Medical Science Monitor Basic Research เมื่อปี พ.ศ. 2558 ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของการนวดแผนไทยต่อความเครียดทางจิตใจในคนที่มีสุขภาพดี โดยมีผู้เข้าร่วมการทดสอบจำนวน 29 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับการนวดแผนไทยและกลุ่มที่ได้รับการบรรเทาความเครียดด้วยเทคนิคอื่น และเริ่มการทดสอบด้วยการกระตุ้นให้เกิดความเครียดทางจิตใจ พบว่า กลุ่มที่ได้รับการนวดแผนไทยมีระดับความเครียดทางจิตใจลดลง แต่อาจมีผลแค่ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม

    ยังมีอีกการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Physical Therapy Science เมื่อปี พ.ศ. 2558 ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของการนวดแผนไทยต่อสมรรถภาพทางกายของนักกีฬาฟุตบอล เนื่องจากนักกีฬาจำเป็นต้องมีร่างกายที่พร้อมก่อนฝึกซ้อมหรือแข่งขัน การนวดจึงอาจช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ เพิ่มความยืดหยุ่น เพิ่มประสิทธิภาพให้ข้อต่อในการเคลื่อนไหวและอาจช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากใช้งานอย่างหนัก โดยการศึกษานี้ได้ทำการสุ่มให้นักฟุตบอลจำนวน 34 คน แบ่งออกเป็นกลุ่มที่นอนพักผ่อนและกลุ่มที่นวดแผนไทยเป็นเวลา 10 วัน วันละ 30 นาที จากนั้นทำการทดสอบร่างกายของทั้ง 2 กลุ่มด้วยการฝึกสมรรถภาพต่าง ๆ พบว่า นักฟุตบอลที่ได้รับการนวดแผนไทยอาจช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อ เพิ่มความว่องไวด้านการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการนวดแผนไทย

    • นวดด้วยน้ำมันอโรมา

    การนวดด้วยน้ำมันอโรมาเป็นการนวดอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการนวดแผนไทย แต่จะลดแรงลงมาเพื่อช่วยเพิ่มความผ่อนคลายมากขึ้น อีกทั้งยังอาจช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า ทำให้นอนหลับง่าย โดยจะใช้วิธีการนวดหรือลูบผิวอย่างเบามือร่วมกับน้ำมันอโรมาที่ได้สกัดจากธรรมชาติ เช่น ดอกลาเวอนเดอร์ ผิวส้ม ใบชา มะนาว ขิง ใบยูคาลิปตัส

    จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Therapeutic Massage & Bodywork ปี พ.ศ. 2565 ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของการนวดอโรมาต่อภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลของผู้สูงอายุ โดยการทดสอบนี้จะใช้น้ำมันจากดอกลาเวนเดอร์ ดอกคาโมมายล์ และดอกโรสแมรี่ในการนวด ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้เป็นผู้สูงอายุจำนวน 38 คน โดยให้ตอบแบบสอบถามเพื่อวัดความเครียดและวิตกกังวลจากนั้นจะแบ่งผู้สูงอายุออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ได้รับการทดสอบแบบอื่นและกลุ่มที่ได้รับการนวดน้ำมันอโรมา โดยการนวดแต่ละครั้งจะใช้เวลา 20 นาที 3 ครั้ง/สัปดาห์ ที่ทดสอบเป็นเวลา 7 สัปดาห์ด้วยกัน เมื่อสิ้นสุดการทดสอบพบว่ากลุ่มผู้สูงอายุที่ได้รับการนวดน้ำมันอโรมามีความวิตกกังวลและอาการซึมเศร้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

    • นวดกดจุด

    นวดกดจุด คือการนวดโดยเน้นกดลงในส่วนที่ต้องการเท่านั้น เช่น ศีรษะ ต้นคอ ไหล่ มือ หลัง หน้าท้อง เท้า ต้นขา นอกจากนี้การนวดกดจุดมีในรูปแบบการนวดสะท้อนกลับที่อาจนวดเพียงแค่ฝ่ามือหรือฝ่าเท้าเท่านั้น โดยจะกำหนดจุดฝ่าเท้าและฝ่ามือแทนอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ยกตัวอย่าง ส่วนบนของฝ่าเท้าและฝ่ามือคือศีรษะ ลำคอ ส่วนกลางของฝ่าเท้าและฝ่ามือคือหน้าอก แขน ไหล่ หน้าท้อง เป็นต้น การนวดแบบกดจุดอาจช่วยลดความเครียด ลดความวิตกกังวล เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบย่อยอาหาร บรรเทาอาการเจ็บปวดในระหว่างการคลอดบุตร และบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อได้

    จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Complementary Therapies in Medicine เมื่อปี พ.ศ. 2550 ที่ศึกษาเกี่ยวกับการนวดกดจุดเพื่อบรรเทาอาการกับอาการปวดหลังส่วนล่าง โดยมีผู้เข้าร่วมที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างรับการทดสอบด้วยการนวดกดจุดเป็นเวลา 40 นาที สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 6 สัปดาห์ติดต่อกัน จากนั้นวัดผลด้วยการให้ตอบแบบสอบถามการสำรวจสุขภาพ พบว่า ผู้ที่เข้ารับการนวดกดจุดมีอาการปวดหลังส่วนล่างดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวเพื่อให้ทราบถึงประสิทธิภาพของการนวดกดจุดในการรักษาอาการปวดหลัง

    ยังมีอีกการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Medical Sciences Published by Tottori University Medical Press ปี พ.ศ. 2560 ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของการนวดกดจุดต่อภาวะท้องผูกในผู้สูงอายุ โดยคัดเลือกผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกจำนวน 60 คน แบ่งออกเป็นกลุ่มที่ได้รับการนวดกดจุด 30 คน และกลุ่มที่รับการทดสอบวิธีอื่น 30 คน โดยกลุ่มที่ได้รับการนวดกดจุดจะถูกนวดบริเวณฝ่าเท้า 3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละ 30 นาที เป็นเวลา 1 เดือน พบว่า การนวดกดจุดอาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกในผู้สูงอายุได้อย่างมีนัยสำคัญ

    • นวดแบบสวีดิช

    การนวดแบบสวีดิช คือ ศาสตร์การนวดโดยใช้เทคนิคการมือสับ ทุบ ตบ และคลึงบริเวณกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นด้วยแรงเบาและหนักสลับกันตามจังหวะ และอาจใช้น้ำมันในการนวดร่วมด้วยเพื่อช่วยลดการเสียดสี เพิ่มความผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความเครียด ลดความวิตกกังวล และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

    จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine เมื่อปี พ.ศ. 2556 ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลของการนวดบำบัดแบบสวีดิชต่อความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจในสตรีที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โดยคัดเลือกผู้เข้าร่วมจำนวน 23 คน อายุ 35-60 ปี ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ให้เข้ารับการนวดแบบสวีดิชเป็นเวลา 4 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง จากนั้นทำการวัดระดับความดันโลหิตทั้งก่อนและหลังการนวดเพื่อนำมาเปรียบเทียบ พบว่า การนวดแบบสวีดิชอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดีตามจังหวะการบีบและการนวด ส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจดีขึ้นและลดความดันโลหิตลงอย่างมีนัยสำคัญ

    • นวดด้วยหินร้อน

    การนวดด้วยหินร้อน เป็นการนวดด้วยหินบะซอลต์ (Basalt) ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟชนิดหนึ่ง ที่สามารถกักเก็บความร้อนได้ดี และถูกนำมาทำให้พื้นผิวเรียบในขนาดเล็กหรือขนาดกลางที่เหมาะสำหรับวางและนวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยก่อนนวดผู้เชี่ยวชาญจะนำหินไปอบเพิ่มความร้อนประมาณ 130-145 องศาเซลเซียส และนำออกมาวางทิ้งไว้ให้อุณหภูมิลดลงเพื่อป้องกันผิวไหม้ จากนั้นจะนำมาวางตามแนวกระดูกสันหลัง หน้าท้อง หน้าอก ฝ่ามือ เท้า และใช้รูปแบบการนวดเป็นวงกลมวนบนผิวด้วยแรงเบา หรือใช้รูปแบบการนวดสวีดิชร่วมด้วย การนวดด้วยหินร้อนอาจช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเอ็นที่ยึดตึง ทำให้รู้สึกสบายตัวและนอนหลับง่ายขึ้น

    จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Research in Medical Science ปี พ.ศ. 2562 ที่ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบการของนวดบำบัดด้วยหินร้อนต่อการนอนหลับของผู้ป่วยที่ฟอกไต โดยการทดสอบครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวน 60 คน ที่แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับการนวดด้วยหินร้อน 30 คน และกลุ่มที่ได้รับการบำบัดด้วยวิธีอื่น 30 คน โดยผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดด้วยหินร้อนจะถูกวางหินไว้บริเวณตามแนวกระดูกสันหลัง เมื่อสิ้นสุดการทดสอบพบว่าผู้ป่วยฟอกไตที่นวดด้วยหินร้อน มีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น และมีความผ่อนคลายในระหว่างฟอกไตเมื่อเทียบกับอีกกลุ่ม

    ข้อควรระวังของการนวด

    ข้อควรระวังของการนวด มีดังนี้

    • บางคนอาจมีอาการแพ้ต่อน้ำมันหรืออุปกรณ์ที่ใช้นวด ส่งผลให้ผิวหนังเป็นผื่น ลมพิษ ผิวแดง แสบ และระคายเคือง ดังนั้น จึงควรแจ้งให้ผู้ให้บริการทราบเมื่อมีอาการผิดปกติระหว่างนวด หรือแจ้งผู้ให้บริการนวดก่อนหากมีอาการแพ้ต่อสารบางอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันและอุปกรณ์ชนิดนั้น
    • การนวดกดจุดอาจส่งผลข้างเคียงทำให้วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อารมณ์อ่อนไหวง่าย และไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกายจากการบาดเจ็บ และสตรีตั้งครรภ์เพราะอาจทำให้มีการไหลเวียนเลือดไม่ดี เป็นลิ่มเลือด และหลอดเลือดอักเสบได้
    • ไม่ควรเลือกการนวดหินร้อนหากมีประวัติเกี่ยวกับลิ่มเลือด โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง โรคกระดูกพรุน รวมถึงมีแผลเปิดบนผิวหนัง อยู่ในช่วงตั้งครรภ์และพักฟื้นร่างกายจากการผ่าตัด อีกทั้งควรระวังผลข้างเคียงจากการนวด เช่น ผิวไหม้ แสบผิว
    • สำหรับสตรีตั้งครรภ์ควรเลือกการนวดให้เหมาะสมต่อสุขภาพและอายุครรภ์ เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยจากการรับน้ำหนักทารกในครรภ์ ดังนั้นจึงควรขอคำปรึกษาจากคุณหมอก่อนเข้ารับการนวด และหลีกเลี่ยงการนวดน้ำมันอโรมาขณะตั้งครรภ์หรือหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันที่สกัดจากโหระพา พาสลีย์ สะระแหน่ ทาร์รากอน (Tarragon) ต้นเบิร์ช (Birch) เพราะอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์และเกิดการระคายเคืองผิวของคุณแม่

    ก่อนการนวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดความเครียด ลดอาการตึงของกล้ามเนื้อ ควรศึกษาสถานบริการ ผู้ให้บริการ ผลข้างเคียง หรือเข้าขอปรึกษาจากคุณหมอ เพื่อเลือกรูปแบบการนวดได้อย่างเหมาะสมกับภาวะสุขภาพ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 27/12/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา