ควรไปพบคุณหมอเมื่อไร
หากอาการบวมของต่อมน้ำเหลืองยังไม่ลดลง หรือมีอาการนานกว่า 2 สัปดาห์ รวมถึงต่อมน้ำเหลืองมีขนาดใหญ่กว่า 2 เซนติเมตร ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยเพิ่มเติม
ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดควรปรึกษาคุณหมอ เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์
สาเหตุ
สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโต
สาเหตุของภาวะต่อมน้ำเหลืองโต อาจมีดังนี้
- การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ
- การติดเชื้อ เช่น เชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เชื้อโมโนนิวคลีโอซิส (Mononucleosis) เป็นเชื้อที่สามารถติดต่อผ่านการจูบ
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมาพาลลิดัม (Treponema Pallidum) โรคหนองใน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไนซีเรีย โกโนเรียอี (Neisseria Gonorrhoeae)
- ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ภาวะเม็ดเลือดขาวทำงานผิดปกติ จึงไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้อย่างปกติ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ภาวะอักเสบเรื้อรังบริเวณเนื้อเยื่อข้อต่อ
- โรคแมวข่วน ติดเชื้อแบคทีเรียจากการถูกแมวที่ติดเชื้อ Bartonella henselae ข่วนหรือกัด
- โรคมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่ก่อกำเนิดในระบบน้ำเหลือง รวมถึงมะเร็งชนิดอื่น ๆ ที่อาจเป็นผลมาจากเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง
โดยส่วนใหญ่ สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโต อาจเกิดจากการติดเชื้อโดยเฉพาะการติดเชื้อไวรัสโรคหวัด ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ แต่หากต่อมน้ำเหลืองบวมเป็นเวลานานกว่า 3 สัปดาห์ และเกิดอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง ปวดท้อง ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจวินิจฉัย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย