ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
หากคุณลองสังเกตตนเองว่าร่างกายคุณเริ่มมีอาการปวดเมื่อยเมื่อใด โปรดอย่าปล่อยทิ้งไว้นานควรสำรวจอาการ และรีบเร่งรักษา หรืออาจเข้ารับคำปรึกษาจากนักบำบัดโดยด่วน เพราะคุณอาจเสี่ยงเป็น โรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) ได้
โรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia) เป็นกลุ่มอาการของโรคเรื้อรัง ที่จะส่งผลให้คุณรู้สึกปวดกล้ามเนื้ออย่างหนักทางร่างกาย และอาจส่งผลกระทบต่อสุภาพจิตร่วม เนื่องจากอาการปวดเมื่อยเรื้อรังนี้อาจทำให้คุณรู้สึกอารมณ์แปรปรวน ระบบประสาททำงานไม่เต็มที่ และนำไปสู่อาการนอนไม่หลับในยามกลางคืน เพราะความปวดเมื่อยรุนแรง
ตามสถิติของสถาบันโรคข้ออักเสบ กล้ามเนื้อ และกระดูกแห่งชาติ ของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้ที่ประสบกับโรคไฟโบรมัยอัลเจีย ส่วนมากเป็นเพศหญิง มากกว่าเพศชาย ที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์
ความเจ็บปวดนี้สามารถเกิดขึ้นได้บริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย จากนั้นอาจจะค่อย ๆ ลุกลามไปในวงกว้าง ซึ่งสัญญาณเตือน หรืออาการแรกเริ่มของโรคไฟโบรอัลเจีย มีดังนี้
อาการของแต่ละบุคคลอาจแตกต่างกันไปในแต่ละราย ดังนั้นหากเกิดอาการใด ๆ เพิ่มเติม ที่มีความรุนแรงขึ้น เช่น ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต อย่างโรคซึมเศร้า คุณควรเข้ารับขอคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อหาแนวทางรักษาด้วยเทคนิคอื่น ร่วมด้วยในทันที
ถึงจะยังมีสาเหตุที่ไม่แน่ชัด แต่ส่วนใหญ่มากจากปัจจัยที่อาจเชื่อมโยงกัน ดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การพัฒนาโรคไฟโบรมัยอัลเจีย ได้แก่
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ทางสมาคม American College of Rheumatology ได้กำหนดเกณฑ์ในการวินิจฉัยสุขภาพ ที่อาจนำไปสู่โรคไฟโบรมัยอัลเจีย ไว้เพื่อการวินิจฉัย ดังนี้
จุดประสงค์ของการรักษาโรคไฟโบรมัยอัลเจีย คือบรรเทาอาการเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ และฟื้นฟูสุขภาพจิตที่ได้รับผลกระทบมาจากโรคนี้ ซึ่งทางแพทย์อาจมีการใช้ยา ควบคู่กับบำบัดทางกายภาพร่วมดังนี้
นอกจากการรับประทานยาตามที่แพทย์ได้ทำการอนุญาตแล้ว ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีการทำกายภาพบำบัด โดยอาจเป็นการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น เล่นโยคะ ไทเก๊ก หรือการฝังเข็ม และนวดบำบัดร่วม เพื่อเสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อคุณให้กลับมามีการใช้งานได้ปกติดังเดิม
หากคุณมีข้อสงสัยอื่น ๆ สามารถปรึกษากับนักโภชนาการ หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพิ่มเติมได้ เพื่อสร้างความเข้าใจ และรับคำแนะนำในการนำมาปรับปรุงสุขภาพของคุณ
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย