โบรมิเลนในสับปะรด มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะกับผู้ที่ตับอ่อนทำงานบกพร่อง ซึ่งเป็นภาวะที่ตับอ่อนไม่สามารถผลิตเอนไซม์ย่อยอาหารได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ ยังอาจนำสับปะรดไปหมักเนื้อ เพื่อให้เนื้อมีความนุ่มก่อนนำมาปรุงอาหาร เนื่องจากโบมิเลนในสับปะรดสามารถย่อยโปรตีนในเนื้อได้ทำให้เนื้อนุ่มขึ้น
3. อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
สับปะรดและสารประกอบในสับปะรดอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง เนื่องจากมีคุณสมบัติช่วยลดภาวะความไม่สมดุลของการเกิดอนุมูลอิสระ และช่วยลดการอักเสบ นอกจากนี้ โบมิเลนในสับปะรดอาจช่วยต่อสู้กับมะเร็ง และยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม
4. อาจช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และลดการอักเสบ
สับปะรดอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย รวมถึงเอนไซม์อย่างโบมิเลนที่อาจช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและลดการอักเสบ
งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์และประสิทธิภาพของโบมิเลนในสับปะรดที่มีต่อเด็กในประเทศเยอรมนีที่ป่วยเป็นไซนัสเฉียบพลัน เผยแพร่ในวารสาร IN VIVO พ.ศ. 2548 ได้ทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเด็ก ๆ ที่เป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลัน 116 ราย พบว่า ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อบริโภคอาหารเสริมโบรมิเลน ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า สับปะรดจึงอาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและอาจช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และบรรเทาอาการไซนัส
5. อาจช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบ
โบมิเลนมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ จึงอาจช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบในระยะสั้นสำหรับผู้ที่มีอาการของโรคข้ออักเสบ ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพพอ ๆ กับยารักษาโรคข้ออักเสบอย่างไดโครฟีแนก (Diclofenac) อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการรักษาอาการของโรคข้ออักเสบด้วยโบรมิเลนในระยะยาว
6.อาจช่วยทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้นหลังการผ่าตัด หรือหลังออกกำลังกายอย่างหนัก
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย