ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นแหล่งของวิตามินเอ เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม ตับ แคนตาลูป แครอท ผักใบเขียว ฟักทอง พริกหยวก
ปริมาณวิตามินเอที่แนะนำต่อวัน สำหรับผู้ชายควรได้รับ 900 ไมโครกรัม และสำหรับผู้หญิงควรได้รับ 700 ไมโครกรัม
วิตามินบี
วิตามินบีที่แนะนำให้รับประทานเพื่อช่วยบำรุงสายตา คือ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 6 วิตามินบี 9 และวิตามินบี 12
การรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี 6 วิตามินบี 9 และวิตามินบี 12 อาจช่วยลดระดับโปรตีนโฮโมซิสทีน (Homocysteine) ที่อาจเกี่ยวข้องกับการอักเสบ และเพิ่มความเสี่ยงโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ (Age related Macular degeneration หรือ AMD) ที่ส่งผลต่อการมองเห็นและอาจทำให้ตาบอด เช่น ปลาแซลมอน ทูน่า ธัญพืช ถั่ว เมล็ดทานตะวัน นม ชีส โยเกิร์ต หัวผักกาด ผักโขม หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำดาว และบร็อคโคลี่
วิตามินบี 2 หรือ ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องดวงตา อีกทั้งยังอาจช่วยป้องกันโรคต้อกระจก จึงควรรับประทานอาหารที่มีไรโบฟลาวิน 1.1–1.3 มิลลิกรัม/วัน แหล่งอาหารสำคัญของวิตามินบี 2 เช่น ข้าวโอ๊ต นม โยเกิร์ต เนื้อวัว ซีเรียล
วิตามินบี 3 หรือ ไนอาซิน (Niacin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจมีบทบาทในการป้องกันความเสียหายต่อเส้นประสาทดวงตาหรือโรคต้อหิน ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไปควรได้รับไนอาซิน 14 มิลลิกรัม/วัน และผู้หญิง 18 มิลลิกรัม/วัน สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรได้รับ 17 มิลลิกรัม/วัน ซึ่งสามารถหาได้จากแหล่งอาหาร เช่น เนื้อวัว สัตว์ปีก ปลา เห็ด ถั่วลิสงและพืชตระกูลถั่ว
วิตามินซี
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย