backup og meta

sparkling water หรือน้ำโซดา ประโยชน์และข้อควรระวังในการดื่ม

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 27/09/2022

    sparkling water หรือน้ำโซดา ประโยชน์และข้อควรระวังในการดื่ม

    sparkling water หรือน้ำโซดาไม่แต่งกลิ่นและรสชาติ มักทำมาจากน้ำเปล่าบริสุทธิ์หรือน้ำแร่ธรรมชาติ โดยผ่านกรรมวิธีอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อเติมความซ่า ฟองและความสดชื่น ประกอบไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส เกลือแร่ แคลเซียม แมกนีเซียม โซเดียม นิยมดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่น ช่วยลดน้ำหนัก และอาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันผู้ผลิตอาจแต่งกลิ่น เติมรสชาติและน้ำตาลในเครื่องดื่ม sparkling water เพื่อให้มีรสชาติอร่อยและดื่มง่ายขึ้น แต่หากดื่มในปริมาณมากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น ควรอาจฉลากก่อนดื่มเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพ

    ประโยชน์ของ sparkling water ที่มีต่อสุขภาพ

    sparkling water เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนสรรพคุณของเครื่องดื่มประเภทนี้ในการส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้

    1. อาจช่วยให้รู้สึกสดชื่นและความชุ่มชื้นกับร่างกาย

    sparkling water เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่นละความชุ่มชื้นกับร่างกายได้พอ ๆ กับการดื่มน้ำเปล่าโดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสถานะความชุ่มชื้นในร่างกาย ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition พ.ศ. 2559  โดยให้อาสาสมัครชายดื่มน้ำเปล่า 1 ลิตร และเครื่องดื่มอื่น ๆ เช่น โคล่า โซดา พบว่า เมื่อผ่านไป 4 ชั่วโมง ปริมาณปัสสาวะสะสมหลังจากการดื่มโคล่า ชาร้อน ชาเย็น กาแฟ น้ำส้ม โซดาและเครื่องดื่มเกลือแร่ ไม่แตกต่างจากการดื่มน้ำเปล่า ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า โซดา หรือ sparkling water อาจสามารถใช้ดื่มเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และอาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกายได้

    1. อาจช่วยลดน้ำหนัก

    sparkling water เป็นเครื่องดื่มอัดแก๊สที่ให้ความสดชื่นเหมือนการดื่มน้ำอัดลม แต่ไม่มีน้ำตาลและไม่แต่งกลิ่น จึงอาจดื่มเพื่อทดแทนการดื่มน้ำอัดลมที่มีส่วนผสมของน้ำตาลได้ สำหรับในผู้ที่ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่าอาจดื่ม sparkling water เพื่อทดแทนและเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำ ลดภาวะขาดน้ำในร่างกาย นอกจากนี้ การดื่มน้ำในปริมาณที่เพิ่มขึ้นยังช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ซึ่งอาจเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยลดและควบคุมน้ำหนัก

    เพื่อสุขภาพที่ดีและช่วยควบคุมน้ำหนักจึงควรดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม คือ ผู้ชายควรดื่มน้ำวันละ 3.7 ลิตร/วัน และผู้หญิง 2.7 ลิตร/วัน ซึ่งรวมน้ำจากอาหารด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ sparkling water จะสามารถดื่มเพื่อทดแทนน้ำเปล่าได้ แต่ควรดื่มอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและมีอาการท้องอืดบ่อยครั้ง

    1. อาจช่วยปรับปรุงระบบย่อยอาหารและช่วยบรรเทาอาการท้องผูก

    sparkling water เป็นโซดาที่อาจส่งผลดีต่อระบบทางเดินอาหารและช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำอัดแก๊สต่ออาการอาหารไม่ย่อยและอาการท้องผูก ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Gastroenterology & Hepatology พ.ศ. 2545  นักวิจัยได้ทำการทดลองในผู้ป่วย 21 รายที่มีอาการอาหารไม่ย่อยและท้องผูก โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่หนึ่งจำนวน 10 คน ให้ดื่มน้ำอัดแก๊ส และกลุ่มที่สองจำนวน 11 คน ให้ดื่มน้ำประปา เป็นเวลาประมาณ 15 วันเท่า ๆ กัน พบว่า ผู้ป่วยที่ดื่มน้ำอัดแก๊สมีอาการดีขึ้น นอกจากนี้ การดื่มน้ำอัดแก๊สยังช่วยเพิ่มความอิ่มและช่วยให้น้ำในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น

    ข้อควรระวังในการดื่ม sparkling water

    การดื่ม sparkling water มีข้อควรระวังดังนี้

    • sparkling water ที่แต่งกลิ่นและมีส่วนผสมของน้ำตาลอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพฟัน ทำให้ฟันผุและฟันสึกกร่อน เนื่องจากปริมาณน้ำตาลสูงที่สะสมในช่องปากเป็นอาหารของแบคทีเรียที่มีส่วนทำลายเคลือบฟัน ดังนั้น ควรดื่มน้ำเปล่าสลับกับการดื่ม sparkling water และแปรงฟันให้สะอาดหลังดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเพื่อป้องกันฟันผุ
    • sparkling water เป็นน้ำที่มีแก๊สมาก การดื่มในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เรอบ่อย ท้องอืด และปวดท้อง

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 27/09/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา