backup og meta

สูตรยำกุนเชียง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 16/07/2020

    สูตรยำกุนเชียง

    กุนเชียง เป็นอาหารแปรรูปที่คนจีนนิยมทำไว้เพื่อถนอมอาหาร และยังช่วยเก็บเนื้อสัตว์ไว้ให้รับประทานได้นานขึ้น เมนูง่ายๆ อย่างกุนเชียงทอดกินกับข้าวสวยเท่านี้ก็อร่อยแล้ว แต่วันนี้ Hello คุณหมอ มี สูตรยำกุนเชียง เมนูที่ได้ทั้งความหวานจากกุนเชียง คลุกเคล้ากับน้ำยำรสจี๊ดเข้ากันมากๆ เลย ไม่ว่าจะกินกับข้าวต้ม หรือกินเดี่ยวๆ ก็อร่อยแน่นอนค่ะ

    กุนเชียง มีประโยชน์อย่างไร

    กุนเชียง เป็นอาหารแปรรูปอย่างหนึ่ง รูปร่างคล้ายๆไส้กรอก เป็นแท่งทรงกลม ส่วนใหญ่แล้วนิยมทำมาจากเนื้อหมู แต่บางครั้งก็มีกุนเชียงที่ทำมาจากตับเป็ดหรือว่าตับหมู ซึ่งสีของกุนเชียงจะมีสีที่เข้มกว่า กุนเชียงในปริมาณ 100 กรัมให้พลังงานมากถึง 1013 กิโลแคลอรี่ มีโปรตีน 27.3 กรัม แต่สำหรับกุนเชียงแล้วก็ยังมีประโยชน์อยู่ ไปดูกันเลยว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง

    เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยโปรตีน

    กุนเชียง เป็นอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์เป็นหลัก และมีการปรุงรสเพิ่มเติม ดังนั้นกุนเชียงจึงเป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูง ซึ่งกุนเชียง 100 กรัม ก็จะได้รับโปรตีนที่ร่างกายต้องการต่อวัน

    ในกุนเชียงมีโปรตีนมีส่วนช่วย ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตและแข็งแรง และโปรตีนยังเป็นแหล่งพลังงานที่ดีอีกด้วย

    ช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

    หนึ่งในประโยชน์ทางโภชนาการของกุนเชียง ที่เพิ่งได้รับจากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้คือ กุนเชียงมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

    จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า คนที่บริโภคกุนเชียง 10-30 กรัมทุกวัน มีช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบน้อยกว่าร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ที่ไม่บริโภค กุนเชียง 10-15 ชิ้นต่อสัปดาห์จะลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองตีบ

    กุนเชียง

    สูตรยำกุนเชียง

    ส่วนผสมสำหรับ สูตรยำกุนเชียง

    • กุนเชียง 150 กรัม
    • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
    • พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
    • คื่นช่าย 1/4 ถ้วยตวง
    • หอมแดง 1 หัว
    • มะเขือเทศ 4 ลูก
    • แตงกวา 1/4 ถ้วยตวง
    • ร็อกเก็ตสลัด

    วิธีทำยำกุนเชียง

    1. ตั้งน้ำเปล่าพอเดือด นำกุนเชียงลงต้มประมาณ 10 นาที ตักขึ้นพักไว้
    2. ระหว่างที่ต้มกุนเชียงให้หั่นเครื่องยำต่างๆ รอ เช่น หั่นคื่นช่าย บุบพริกขี้หนูสวนพอให้แตกๆ หั่นหอมแดงเป็นแว่นๆ 1 หัว หั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นพอดีคำ หั่นแตงกว่าเป็นแว่นๆ
    3. เมื่อกุนเชียงสุกได้ที่ หันกุนเฉียงแฉลบๆ ให้มีความหนาที่เท่าๆ กัน เพื่อที่ตอนทอดจะได้สุกพร้อมๆ กันอย่างทั่วถึง
    4. ตั้งกระทะเทฟลอนพอร้อน นำกุนเชียงลงคั่วด้วยไฟอ่อน คั่วจนกุนเชียงมีสีเหลืองสวยงาม จึงตักขึ้นพักไว้
    5. ผสมน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทรายลงในชามขนาดใหญ่ คนให้เข้ากัน เติมพริกขี้หนูสวนที่บุบไว้ลงไป คนให้เข้ากัน ใส่กุนเชียง คื่นช่าย หอมแดง มะเขือเทศ แตงกวา และร็อกเก็ตสลัดลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน เพื่อเสิร์ฟ

    ทริปเล็กๆสำหรับการทำอาหาร

    การต้มกุนเชียง จะทำให้กุนเชียงสุกและให้น้ำมันในกุนเชียงออก เมื่อนำไปคั่วจะทำให้กุนเชียงไม่ไหม้ ได้สีที่สวยงาม น่ารับประทาน ที่สำคัญ ยังลดปริมาณน้ำมันในการที่จะใช้ทอดกุนเชียงลงด้วยค่ะ

    มะเขือเทศ

    ประโยชน์ดีๆ ที่ได้จากการรับประทานมะเขือเทศ

    มะเขือเทศเป็นพืชที่มีหลากหลายสายพันธุ์ทั้งแบบที่สามารถกินเล่นได้เลย และแบบที่ใช้สำหรับปรุงอาหาร มะเขือเทศเป็นแหล่งอาหารชั้นเยี่ยมของไลโคปีน สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคมะเร็ง

    นอกจากนี้มะเขือเทศยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินซี โพแทสเซียม โฟเลต และวิตามินเออีกด้วย เราจะพาไปดูว่า มะเขือเทศดีต่อร่างกายอย่างไร

    สุขภาพหัวใจ

    โรคหัวใจรวมถึงโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบบ่อยที่สุดในโลก จากการศึกษาชายในวัยกลางคนพบว่าปริมาณไลโคปีนและเบตาแคโรทีนในเลือดต่ำ มีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด

    และยังมีหลักฐานเพิ่มเติมจากการทดลองทางคลินิกชี้ให้เห็นว่า การได้รับไลโคปีนมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ซึ่งการมีคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีจะช่วยเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดและสมองอีกด้วย นอกจานี้มะเขือเทศยังช่วยลดการเกิดการอักเสบและความเครียดออกซิเดชั่นด้วย

    ผิวสวยด้วยมะเขือเทศ

    มะเขือเทศเป็นพืชที่อุดมไปด้วย ไลโคปีนและสารประกอบจากพืชอื่นๆ ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันจากการถูกแดดเผา

    จากการศึกษาหนึ่งพบว่าคนที่บริโภคมะเขือเทศเป็นอาหารว่าง 40 กรัมจะให้ปริมาณให้ไลโคปีนมากถึง 16 มก.ทุกวันเป็นเวลา 10 สัปดาห์ พบว่าจะถูกแดดเผาน้อยกว่าร้อยละ 40

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 16/07/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา