backup og meta

ตรวจโควิด มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 08/12/2021

    ตรวจโควิด มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร

    ตรวจโควิด เป็นวิธีการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดในร่างกาย หากทราบผลของการตรวจได้เร็วและรีบทำการรักษา ก็อาจช่วยหยุดการแพร่กระจายเชื้อ ลดความรุนแรงของโรค และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ซึ่งในปัจจุบัน การตรวจโควิดนั้นง่ายและทราบผลได้รวดเร็วขึ้น มีชุดทดสอบที่สามารถตรวจเองได้ที่บ้าน นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบด้วยวิธีการ RT-PCR เพื่อยืนยันผลได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ดังนั้น ผู้ที่มีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อควรเข้ารับการตรวจโควิด เพื่อให้ผู้ป่วยรู้ตัวได้ทัน สามารถกักตัวเองก่อนแพร่เชื้อสู่คนรอบข้าง และทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที

    การตรวจโควิด 19 คืออะไร

    ตรวจโควิด คือ การตรวจหาเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงไปจนถึงมีความเสี่ยงต่ำ ทั้งในผู้ที่แสดงอาการ เช่น มีไข้ เจ็บคอ หายใจลำบาก สูญเสียการรับรู้กลิ่นและรส และในผู้ที่ไม่แสดงอาการ เพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด 19 และทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งการตรวจโควิดในปัจจุบันมีชุดทดสอบที่สามารถใช้ตรวจเองเบื้องต้นได้ที่บ้าน เห็นผลรวดเร็วหรือการตรวจแบบ RT-PCR ที่สามารถเข้ารับตรวจตามคลินิกและโรงพยาบาล​ ซึ่งให้ผลที่แม่นยำขึ้น การตรวจโควิด ทำให้ผู้ป่วยสามารถรู้ตัวว่าตนเองติดโควิดหรือไม่ สามารถแยกตัวออกจากผู้คนเพื่อหยุดการแพร่เชื้อ และช่วยให้ได้รับการรักษาได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มลดความรุนแรงของโรคโควิด 19 และลดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต

    ประเภทของการตรวจโควิด 19

    การตรวจโควิด 19 แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • การทดสอบแบบรวดเร็ว (Rapid Test)

  • การใช้ชุดทดสอบแอนติเจน (Antigen Test Kit) ตรวจหาโปรตีนแอนติเจน (Antigen) ของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 เป็นชุดทดสอบเบื้องต้นที่สามารถใช้ตรวจเองได้ที่บ้าน โดยการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งในจมูกหรือคอ รู้ผลภายใน 15-30 นาที หากผลออกมาเป็นบวกแสดงว่าติดเชื้อ ผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจด้วยวิธี RT-PCR เพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลและทำการรักษา แต่หากผลตรวจเป็นลบแสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่อย่างไรก็ตาม ควรตรวจซ้ำอีกครั้งใน 3-5 วันเพื่อยืนยันผล เนื่องจากการตรวจในครั้งแรกจำนวนเชื้ออาจมีไม่มากพอ ทำให้ตรวจไม่พบเชื้อ

    วิธีใช้ชุดทดสอบแอนติเจน ให้ผู้ทดสอบแยงไม้สวอปเข้าไปในโพรงจมูกประมาณ 2.5 เซนติเมตร จนชนเยื่อบุจมูก จากนั้นหมุนก้านสวอป 4-5 รอบ เพื่อเก็บตัวอย่าง จากนั้น น้ำก้านสวอปออกมาและทำแบบเดิมอีกครั้งในจมูกข้างถัดไป เมื่อเสร็จเรียบร้อยนำก้านสวอปด้านที่เป็นสำลีจุ่มลงไปในหลอดทอดสอบที่มีน้ำยาสกัด แช่ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที เมื่อครบเวลาให้กดข้างหลอด บีบปลายสำลีเพื่อให้ได้ตัวอย่างมากที่สุด นำตัวอย่างในหลอดทดสอบไปหยดในหลุมอุปกรณ์ตรวจเชื้อ รอผลประมาณ 15 นาที หากมีขีดสีแดงขึ้นที่ C และ T แสดงว่าผลเป็นบวกมีการติดเชื้อ แต่ถ้าหากขีดสีแดงขึ้นที่ C ตัวเดียว แสดงว่าผลเป็นลบไม่ติดเชื้อ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลจะเป็นลบผู้ทดสอบก็ควรตรวจซ้ำอีกครั้งใน 3-5 วัน เพื่อยืนยันผล เพราะชุดทดสอบแอนติเจนเป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้น ดังนั้นผลลัพธ์อาจคลาดเคลื่อนได้

    1. ตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อด้วยวิธี RT-PCR

    ตรวจโควิด แบบ RT-PCR (Real Time Polymerase Chain Reaction) เป็นการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสที่ก่อโรคโควิด 19 ซึ่งต้องเข้ารับการตรวจที่สถานพยาบาล โดยการเก็บตัวอย่างจากสารคัดหลั่งในจมูกหรือลำคอ (Swab) และทดสอบด้วยสารละลายเคมีในห้องปฏิบัติการ เป็นการทดสอบที่มีความแม่นยำสูง แต่อาจต้องใช้เวลาและรอผลประมาณ 24-48 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลและปริมาณของผู้เข้ารับการตรวจ

    ผลตรวจโควิด

    ผลเป็นบวก หมายถึง ติดเชื้อ หากพบว่าผลเป็นบวกให้รีบแยกตัวเองออกจากผู้อื่นทันทีเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย จากนั้นโทรติดต่อโรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ เพื่อเข้ารับการตรวจสอบเชื้อเพิ่มเติมและทำการรักษาในขั้นตอนต่อไป

    • กักตัวเองในห้องอย่างน้อย 10 วัน โดยแยกตัวให้ห่างจากคนอื่น ๆ
    • พักผ่อนและดื่มน้ำมาก ๆ
    • ติดต่อสถานพยาบาลโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ติดเชื้อหรือผู้ที่มีภาวะสุขภาพอื่น ๆ

    ผลตรวจเป็นลบ หมายถึง ไม่ติดเชื้อ หากใช้ชุดทดสอบแอนติเจนแล้วพบว่า ไม่ติดเชื้อ ให้รอ 3-5 วันแล้วตรวจซ้ำอีกครั้งเพื่อยืนยันผล แต่หากผู้ทดสอบมีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสเชื้อ ให้เข้ารับการตรวจด้วยเทคนิค RT-PCR ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำสูงสุด

    • แยกตัวออกจากผู้อื่นหากไม่มีอาการโควิด 19 และสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
    • กักตัวเองที่บ้าน 14 วันหลังจากที่สัมผัสเชื้อ
    • หากได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้วอาจไม่ต้องกักตัว
    • ติดต่อสถานพยาบาลหรือหน่วยงานทันทีเกี่ยวกับผลตรวจเป็นลบ แต่ผู้ทดสอบอาจมีความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อ

    ใครควรได้รับการตรวจโควิด

    ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการสัมผัสกับเชื้อไวรัสโควิด 19 ควรได้รับการทดสอบ ดังนี้

    • ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เนื่องจากมีความจำเป็นไม่สามารถเว้นระยะห่างได้ เช่น การเดินทางในรถประจำทาง การเข้าร่วมงานสังคม อยู่ในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
    • ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด 19
    • ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ ควรได้รับการทดสอบ 5-7 วันหลังการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อครั้งสุดท้าย
    • ผู้ที่มีอาการบ่งชี้ว่าติดเชื้อไวรัส ได้แก่ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ คลื่นไส้ อาเจียน สูญเสียการรับรสชาติหรือได้กลิ่น ปวดหัว หนาวสั่น วิงเวียนศีรษะ
    • ผู้ที่ต้องเดินทางต่างประเทศ โดยต้องใช้ผลตรวจเป็นลบ
    • ผู้ที่ต้องทำงานกับคนหมู่มาก เช่น กองถ่ายละคร

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 08/12/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา