backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ไอ (cough)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ไอ (cough)

ไอ เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์บริเวณทางเดินหายใจเกิดการระคายเคือง ซึ่งจะกระตุ้นปอดให้ดันอากาศออกมาภายใต้ความดันสูง สามารถเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง

คำจำกัดความ

ไอคืออะไร

ไอ (cough) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์บริเวณทางเดินหายใจเกิดการระคายเคือง ซึ่งจะกระตุ้นปอดให้ดันอากาศออกมาภายใต้ความดันสูง อาการไอสามารถเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน หรือแบบเรื้อรัง

อาการไอพบบ่อยเพียงใด

อาการไอเป็นปฏิกิริยาตอบสนองฉับพลันตามธรรมชาติเพื่อช่วยปกป้องปอด และช่วยกำจัดสิ่งระคายเคืองออกจากทางเดินหายใจ เช่น ควันและน้ำมูก ทั้งยังป้องกันการติดเชื้อในทางเดินหายใจด้วย

อาการไอเป็นเวลานานทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงปรารถนาและอาจเป็นอันตรายหากไม่ได้รับการตรวจ โดยสามารถส่งผลต่อผู้ป่วยได้ทุกวัย แต่สามารถจัดการได้โดยลดความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

อาการ

อาการไอเป็นอย่างไร

อาการไอมักเป็นอาการหนึ่งของภาวะอื่นๆ สามารถเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ไม่ว่าคุณจะมีอาการไอแบบใด อาการทั่วไปของการไอที่เห็นชัด ได้แก่

  • มีไข้
  • รู้สึกหนาวสั่น
  • ปวดตามร่างกาย
  • เจ็บคอ
  • คลื่นไส้หรืออาเจียน
  • ปวดศีรษะ
  • มีเหงื่อออกตอนกลางคืน
  • น้ำมูกไหล
  • มีเสมหะในลำคอ
  • อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการบางประการที่ไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาแพทย์

    ควรไปพบหมอเมื่อใด

    อาการไอส่วนใหญ่ที่เกิดจากหวัดหรือไข้หวัดใหญ่จะหายไปเองอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี ควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการดังต่อไปนี้

    • รู้สึกเวียนศีรษะหลังมีอาการไอ
    • ไอเป็นเลือด
    • เจ็บหน้าอก
    • ไอต่อเนื่องตลอดทั้งคืน
    • มีไข้
    • อาการไอไม่ดีขึ้นหลังจาก 7 วัน
    • มีอาการหอบหรือหายใจลำบาก

    หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใดๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีข้อคำถามใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ

    สาเหตุ

    สาเหตุของการไอ

    เมื่อมีสารระคายเคืองในปอด ปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกายคือ การไอเพื่อกำจัดสารระคายเคืองออกไป สาเหตุที่ทำให้ปอดระคายเคือง ได้แก่

    • ไวรัส ไวรัสที่ทำให้เกิดอาการหวัดหรือไข้เป็นสาเหตุที่พบได้มากที่สุด ของการไอ
    • ภูมิแพ้และหอบหืด ปอดจะพยายามกำจัดสิ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดการระคายเคืองออกไปโดยการไอ
    • สารระคายเคือง เช่น อากาศเย็น บุหรี่ ควัน หรือน้ำหอมรุนแรงจะกระตุ้นให้เกิดการไอ
    • สาเหตุอื่นๆ เช่น ปอดติดเชื้อ ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ภาวะอารมณ์หดหู่หรือซึมเศร้า และผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางประเภท

    ปัจจัยเสี่ยง

    ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดอาการไอ

    สิ่งระคายเคืองในสิ่งแวดล้อมจะทำให้อาการไอแย่ลง ตัวอย่างเช่น ผู้ที่เป็นภูมิแพ้อาจรักษาอาการไอโดยใช้ยารักษาภูมิแพ้ หากมีอาการไอจากการสูบบุหรี่ อาจมีอาการดีขึ้นหากหยุดสูบบุหรี่หรืออาจมีอาการแย่ลงหากยังคงสุบบุหรี่ต่อไป  หากเป็นโรคปอดเรื้อรัง เช่น หอบหืดหรือหลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาจมีอาการไอเรื้อรังรุนแรงขึ้นหากไปในสถานที่บางแห่งหรือทำกิจกรรมบางประการที่มีปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการไอ

    ยาบางประเภทสามารถทำให้เกิดการไอ เช่น ยา angiotensin converting enzyme (ACE) อย่างไรก็ดี อาการไอมักดีขึ้นเมื่อหยุดใช้ยาดังกล่าว

    การวินิจฉัยและการรักษา

    ข้อมูลที่นำเสนอในที่นี้ ไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

    การวินิจฉัยอาการไอ

    การวินิจฉัยอาการไอส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ผู้ป่วยแจ้งให้แพทย์ทราบ โดยแพทย์อาจซักถามเกี่ยวกับระยะเวลาในการไอ สิ่งบ่งชี้และอาการที่เกี่ยวข้อง และสาเหตุที่ทำให้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง เป็นต้น

    ในบางครั้ง แพทย์อาจให้มีการตรวจร่างกายหรือทดสอบก่อนการวินิจฉัย ผู้ป่วยควรออกกำลังกายและดูแลสุขภาพของตนเอง และให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสภาพร่างกายระหว่างการปรึกษาแพทย์

    การรักษาอาการไอ

    โดยปกติแล้ว อาการไอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอาจหายไปได้เอง อย่างไรก็ดี การใช้ยาต่อไปนี้จะช่วยระบบภูมิคุ้มกันในการต้านโรคได้

    • ยาแก้ไอ ซึ่งได้แก่ ยาขับเสมหะ และยาแก้ไอ
    • ยาลดหรือระงับอาการไอ ซึ่งได้แก่ ยาฟอลโคดีน (pholcodine) ยาเดกซ์โทรเมธอร์แฟน (dextromethorphan) และยาแก้แพ้ (antihistamines)
    • ยาปฏิชีวนะ

    การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง

    การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตัวเองเพื่อรับมือกับอาการไอ

    การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองดังต่อไปนี้ อาจช่วยให้รับมือกับอาการไอได้

    • พักผ่อนให้เพียงพอ การพักผ่อนสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น จึงช่วยต้านไวรัสได้ดีขึ้น
    • ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ร่างกายชุ่มชื้นเสมอ
    • ลดหรือพยายามเลิกสูบบุหรี่
    • หลีกเลี่ยงสถานที่ทีมีอากาศชื้น
    • รับประทานน้ำผึ้ง เมื่อมีอาการไอเพื่อบรรเทาอาการระคายคอและป้องกันอาการไอ

    หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

    Hello Health Group ม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา