backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

พังผืดในปอด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 15/09/2021

พังผืดในปอด

พังผืดในปอด หมายถึง แผลเป็นภายในปอดที่เริ่มแข็งตัวขึ้นจนก่อให้เกิดพังผืด โดยอาจมีระดับความรุนแรงของอาการต่างกันตามแต่ละบุคคล หากพบว่า มีอาการหายใจถี่อย่างรุนแรงเป็นเวลาหลายวัน ควรรีบเข้ารับการรักษาก่อนระบบทางเดินหายใจเสียหาย

คำจำกัดความ

พังผืดในปอด คืออะไร

พังผืดในปอด คือ โรคปอดที่เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อของปอดได้รับความเสียหาย จนเกิดแผลภายในปอด หากปล่อยทิ้งเนื้อเยื่อโดยรอบอาจเริ่มแข็งตัวเป็นพังผืด ซึ่งอาจส่งผลให้ปอดมีขนาดเล็กลง นำไปสู่อาการหายใจลำบาก และทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลง

อาการ

อาการของพังผืดในปอด

อาการของพังผืดในปอดที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • หายใจลำบาก หายใจตื้น โดยเฉพาะขณะทำกิจกรรม หรือใช้แรงมาก
  • ไอแห้งเรื้อรัง ไม่มีเสมหะ
  • เหนื่อยล้า อ่อนแรง ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และข้อต่อ
  • ความอยากอาหารลดลง เบื่ออาหาร
  • น้ำหนักลดลง
  • นิ้วปุ้ม หรืออาการปลายนิ้วมือนิ้วเท้าขยายตัวออกจนมีลักษณะคล้ายไม้กระบอง

สาเหตุ

สาเหตุของ พังผืดในปอด

สาเหตุที่ทำให้เกิดแผลในปอด จนกลายเป็นพังผืด อาจมาจากโรคเรื้อรังต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • โรคลูปัส หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง
  • โรคปอดบวม
  • กล้ามเนื้ออักเสบ
  • โรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพันแบบผสม (Mixed connective tissue disease)
  • โรคซาร์คอยโดซิส
  • โรคผิวหนังแข็งเฉพาะที่
  • มลภาวะทางอากาศ
  • การรักษาโรคด้วยรังสี และยาบางชนิด

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของพังผืดในปอด

ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลให้เกิดพังผืดภายในปอด อาจมีดังต่อไปนี้

  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่นละออง ฝุ่นจากโลหะ สารซิลิกอน แร่ใยหิน ละอองจากถ่านหิน มูลสัตว์
  • ผลจากการรักษาโรคด้วยรังสีและยา เช่น เคมีบำบัด ยากำจัดเซลล์มะเร็ง ยารักษาโรคหัวใจ ยาต้านการอักเสบ ยาปฏิชีวนะบางชนิด
  • ปัจจัยเสี่ยงเรื่องการสูบบุหรี่ และอาชีพที่พบสารเคมีเป็นประจำ

การวินิจฉัยและการรักษา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยพังผืดในปอด

คุณหมออาจซักถามประวัติเกี่ยวกับโรคประจำตัว และอาการที่เป็น จากนั้นก็อาจตรวจการทำงานของปอดขณะหายใจโดยใช้อุปกรณ์ การฟังเสียงทางการแพทย์ และอาจทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีเหล่านี้

  • เอกซเรย์ทรวงอก เพื่อเช็กความผิดปกติภายในปอด ว่ามีเนื้อเยื่อส่วนใดที่เป็นแผลหรือไม่
  • การตรวจเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ (CT Scan) สร้างภาพตัดขวางของโครงสร้างภายในปอดที่มีความละเอียดสูง ทำให้สามารถตรวจเช็กความเสียหายของปอดที่เกิดจากพังผืดได้
  • ทดสอบการทำงานของปอด การทดสอบอาจแตกต่างกันออกไปตามที่คุณหมอเห็นสมควร เช่น การหายใจอออกผ่านท่อที่เชื่อมกับเครื่องวัดปริมาณอากาศว่าปิดมีการกักเก็บอากาศภายในได้ดีเพียงใด
  • การวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนจากชีพจร โดยใช้เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว
  • ตรวจออกซิเจนในเลือด โดยการเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อตรวจเช็กระดับออกซิเจน และคาร์บอนไดออกไซด์
  • การสอดกล้องหลอดลม เพื่อเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อปอดไปตรวจเพื่อคัดกรองโรคที่อาจเป็นสาเหตุของพังผืดในปอด

การรักษาพังผืดในปอด

เนื่องจากพังผืดในปอดเกิดจากแผลเป็นจึงไม่สามารถรักษาให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ การรักษาอาจมุ่งเน้นเพื่อบรรเทาอาการให้ดี และชะลอการลุกลามของโรค ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ยา คุณหมออาจให้ยาเพอร์เฟนิโด (Pirfenidone) และยานินเทดานิบ (Nintedanib) ที่อาจสามารถช่วยชะลอการลุกลามของพังผืดในปอดได้ 
  • การบำบัดด้วยออกซิเจน การบำบัดด้วยออกซิเจนอาจสามารถ อาจช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ ลดความดันโลหิตที่หัวใจด้านขวา และทำให้การหายใจดีขึ้นได้
  • ฟื้นฟูสมรรถภาพปอด การปรับปรุงการทำงานของปอดอาจเริ่มจากโปรแกรมการออกกำลังกาย เทคนิคการหายใจ และโภชนาการอย่างเหมาะสมตามที่คุณหมอประเมินจากอาการ
  • ปลูกถ่ายปอด เพื่อเปลี่ยนเป็นปอดใหม่ที่มีสุขภาพดี วิธีนี้ช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยืนยาวขึ้น อย่างไรก็ตามวิธีนี้อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การติดเชื้อ ร่างกายปฏิเสธอวัยวะใหม่

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกัน พังผืดในปอด

นอกจากการรักษาด้วยวิธีของทางการแพทย์ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน เพื่อใช้ชีวิตร่วมกับอาการของพังผืดในปอดย่อมเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน

  • เลิกสูบบุหรี่
  • รับประทานอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันต่ำ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
  • ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับการฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนด
  • เข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 15/09/2021

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา