backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ปอดอักเสบ (Pneumonitis)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 25/05/2021

ปอดอักเสบ (Pneumonitis)

ปอดอักเสบ เป็นปฏิกิริยาการแพ้ประเภทหนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อสารชนิดหนึ่งๆ เช่น เชื้อราหรือแบคทีเรียทำให้ถุงลมในปอดระคายเคือง สามารถรักษาได้ อย่างไรก็ดี ปอดอักเสบสามารถทำให้เกิดพังผืดหรือความเสียหายที่ปอดอย่างถาวร หากไม่สามารถตรวจเจอได้เร็วพอ

คำจำกัดความ

ปอดอักเสบ คืออะไร

ปอดอักเสบ (Pneumonitis) เป็นปฏิกิริยาการแพ้ประเภทหนึ่ง เกิดขึ้นเมื่อสารชนิดหนึ่ง ๆ เช่น เชื้อราหรือแบคทีเรียทำให้ถุงลมในปอดระคายเคือง ผู้ที่มีอาการไวต่อสารเหล่านี้โดยเฉพาะจะมีอาการแพ้เกิดขึ้น

โรคปอดอักเสบ สามารถรักษาได้ อย่างไรก็ดี ปอดอักเสบสามารถทำให้เกิดพังผืดหรือความเสียหายที่ปอดอย่างถาวร หากไม่สามารถตรวจเจอได้เร็วพอ

โรคปอดอักเสบ พบได้บ่อยเพียงใด

โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

อาการ

อาการของ โรคปอดอักเสบ

ปอดอักเสบเฉียบพลันมักเกิดขึ้นภายใน 4-6 ชั่วโมง หลังหายใจรับสารระคายเคืองเข้าไป คุณอาจรู้สึกเหมือนว่าคุณเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือมีอาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับทางเดินหายใจอื่น ๆ โดยมีอาการอย่างเช่น

หากคุณไม่ได้สัมผัสสารระคายเคืองอีก อาการควรหายไปภายใน 2-3 วัน หากคุณยังคงได้รับสารระคายเคือง คุณอาจเป็นปอดอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นโรคในระยะยาว ผู้ป่วย โรคปอดอักเสบ ประมาณร้อยละ 5 จะเป็นปอดอักเสบเรื้อรัง

อาการต่าง ๆ ของปอดอักเสบเรื้อรัง ได้แก่

  • ไอแห้ง
  • แน่นหน้าอก
  • รู้สึกเหนื่อย
  • ไม่มีความอยากอาหาร
  • น้ำหนักลดลงโดยไม่ตั้งใจ

อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการบางประการที่ไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาแพทย์

ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด

หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีข้อคำถามใด ๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ

สาเหตุ

สาเหตุของ โรคปอดอักเสบ

คุณสามารถเป็น โรคปอดอักเสบ ได้ เมื่อสารต่าง ๆ ที่หายใจเข้าไปทำให้ถุงลมขนาดเล็ก ที่เรียกว่า “Alveoli’ ในปอดมีอาการระคายเคือง เมื่อคุณรับสารเหล่านี้เข้าไป ระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการทำให้เกิดอาการอักเสบ ถุงลมในปอดเต็มไปด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวและในบางครั้งมีของเหลวด้วย อาการอักเสบทำให้ออกซิเจนลำเลียงผ่านถุงลมปอดไปยังกระแสเลือดได้ยากขึ้น

สารต่าง ๆ ที่สามารถกระตุ้นให้เกิด โรคปอดอักเสบ ได้แก่

  • รา
  • แบคทีเรีย
  • เชื้อรา
  • สารเคมีต่าง ๆ

คุณจะพบสารเหล่านี้ได้ใน

  • ขนสัตว์
  • ขนหรือมูลนก
  • เนยแข็ง องุ่น ข้าวบาร์เลย์ และอาหารอื่นๆ ที่ปนเปื้อน
  • ฝุ่นจากไม้
  • อ่างน้ำร้อน
  • เครื่องทำความชื้น

สาเหตุอื่น ๆ ของ โรคปอดอักเสบ ได้แก่

  • ยาบางชนิด ซึ่งได้แก่ ยาปฏิชีวนะบางชนิด ยาเคมีบำบัด และยารักษาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ (Heart Rhythm Medicines)
  • รังสีรักษาที่หน้าอก

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของ โรคปอดอักเสบ

คุณมีความเสี่ยงมากขึ้นในการเกิด โรคปอดอักเสบ หากทำงานที่ต้องสัมผัสฝุ่นละอองที่มีสารระคายเคืองต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ชาวนามักสัมผัสเมล็ดธัญพืช ฟางข้าว และหญ้าแห้งที่มีรา จากการที่ โรคปอดอักเสบ ส่งผลต่อชาวนา ในบางครั้ง จึงมีการเรียกว่า “โรคปอดชาวนา (Farmer’s Lung)’

ความเสี่ยงอีกประการหนึ่ง คื อการสัมผัสเชื้อราที่สามารถเติบโตได้ในอ่างน้ำร้อน เครื่องทำความชื้น เครื่องปรับอากาศ และระบบทำความร้อน

ผู้ที่ประกอบอาชีพดังต่อไปนี้ ยังมีความเสี่ยงในการเป็น โรคปอดอักเสบ อีกด้วย

  • ผู้เลี้ยงนกและสัตว์ปีก
  • ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสัตว์
  • ผู้ผสมพันธุ์สัตว์
  • ผู้แปรรูปธัญพืชและแป้ง
  • ผู้ที่ทำงานเลื่อยไม้
  • ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับไม้
  • ผู้ผลิตไวน์
  • ผู้ผลิตพลาสติก
  • ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์

ถึงแม้ว่าคุณไม่ได้ทำงานในด้านดังกล่าวนี้ คุณสามารถสัมผัสเชื้อราและสารกระตุ้นอื่น ๆ ในบ้านได้ การสัมผัสสารเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่า คุณจะเป็น โรคปอดอักเสบ ได้อย่างแน่นอน และคนส่วนใหญ่ที่ได้รับสารเหล่านี้ ก็อาจไม่เป็น โรคปอดอักเสบ ได้เช่นกัน

ยีนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นปฏิกิริยาของคุณ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็น โรคปอดอักเสบ มีโอกาสมากกว่าคนอื่น ๆ ที่จะเป็น โรคปอดอักเสบ ได้ คุณสามารถเป็น โรคปอดอักเสบ เมื่อมีอายุเท่าใดก็ได้ ซึ่งรวมทั้งในวัยเด็กอีกด้วย อย่างไรก็ดี มักวินิฉัยได้มากที่สุดในช่วงอายุ 50-55 ปี

การรักษามะเร็งยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็น โรคปอดอักเสบ ได้อีกด้วย ผู้ที่ใช้ยาเคมีบำบัดบางชนิดหรือได้รับรังสีรักษาที่หน้าอกมีความเสี่ยงมากกว่า

การวินิจฉัยและการรักษา

ข้อมูลที่นำเสนอในที่นี้ ไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยโรคปอดอักเสบ

เพื่อวินิจฉัยว่าคุณเป็น โรคปอดอักเสบ หรือไม่ ให้ไปปรึกษาแพทย์รักษาปฐมภูมิหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านปอด (Pulmonologist) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านปอดเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่รักษาโรคเกี่ยวกับปอด แพทย์จะสอบถามว่า คุณอาจได้สัมผัสสารใดที่ทำงานหรือที่บ้าน แล้วแพทย์จะทำการตรวจร่างกาย

ในระหว่างการตรวจร่างกาย แพทย์จะฟังเสียงปอดด้วยเครื่องมือฟังเสียง (Stethoscope) แพทย์อาจได้ยินเสียงแคร็กหรือเสียงผิดปกติอื่น ๆ ในปอด

คุณอาจเข้ารับการตรวจเหล่านี้หนึ่งประการหรือมากกว่า เพื่อวินิจฉัยว่าคุณเป็นปอดอักเสบหรือไม่

  • การตรวจออกซิเจน (Oximetry) ใช้เครื่องมือวางลงบนนิ้วมือ เพื่อวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด
  • การตรวจเลือด สามารถตรวจหาแอนติบอดีในเลือดที่ต่อต้านฝุ่น เชื้อรา หรือสารอื่น ๆ นอกจากนี้ การตรวจเลือดยังสามารถแสดงให้เห็นว่าคุณมีปฏิกิริยาต่อระบบภูมิคุ้มกันหรือไม่
  • การตรวจเอกซเรย์หน้าอกสร้างภาพถ่ายของปอด เพื่อช่วยให้แพทย์ตรวจหพังผืดหรือความเสียหายได้
  • การตรวจด้วยคอมพิวเตอร์ (CT Scan) สร้างภาพถ่ายของปอดจากมุมต่าง ๆ สามารถแสดงให้เห็นความเสียหายต่อปอดที่มีความละเอียดมากกว่าการตรวจเอกซเรย์
  • การตรวจสมรรถภาพปอดจากอากาศที่หายใจ (Spirometry) เป็นการวัดแรงดันอากาศในขณะที่หายใจเข้าและหายใจออก
  • การส่องกล้องตรวจปอด (Bronchoscopy) เป็นการใส่ท่อขนาดเล็กและยืดหยุ่นได้ ที่ติดตั้งกล้องที่ปลายข้างหนึ่ง เข้าไปในปอดเพื่อนำเซลล์ออกมาตรวจ นอกจากนี้ แพทย์ยังอาจใช้น้ำเพื่อชะล้างเซลล์ออกจากปอด เรียกว่า “การล้างอวัยวะ (Lavage)’
  • การตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อปอด (Lung Biopsy) เป็นกระบวนการนำตัวอย่างเนื้อเยื่อออกจากปอด มีการดำเนินการในขณะที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวจากยาสลบ ตัวอย่างเนื้อเยื่อจะนำไปตรวจหาสัญญาณเตือนของการเกิดพังผืดและการอักเสบ

การรักษาโรคปอดอักเสบ

วิธีที่ดีที่สุดในการบรรเทาอาการคือการหลีกเลี่ยงสารที่กระตุ้นการเกิดปอดอักเสบ หากคุณทำงานท่ามกลางฝุ่นหรือขนนก คุณอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนงานหรือสวมใส่หน้ากากกันฝุ่น

การรักษาดังต่อไปนี้สามารถบรรเทาอาการของปอดอักเสบได้ แต่ไม่ทำให้หายขาด

  • ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ยาเพรดนิโซน (Prednisone) (Rayos) และยาสเตียรอยด์ (Steroid Drugs) อื่น ๆ บรรเทาอาการอักเสบในปอด ผลข้างเคียง ได้แก่ น้ำหนักเพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงสูงขึ้นในการติดเชื้อ ต้อกระจก (Cataract) และกระดูกเสื่อม (Osteoporosis)
  • การรักษาด้วยออกซิเจน (Oxygen Therapy) หากคุณหายใจลำบากมาก คุณสามารถหายใจรับออกซิเจนผ่านทางหน้ากากหรือท่ออากาศได้
  • ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators) ยาดังกล่าวขยายหลอดลม เพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น

หากปอดของคุณได้รับความเสียหายมากเสียจนคุณไม่สามารถหายใจได้ดี ถึงแม้จะได้รับการรักษา คุณอาจต้องเข้ารับการปลูกถ่ายปอด

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองที่ช่วยจัดการปอดอักเสบ

การวินิจฉัยปอดอักเสบอาจหมายความว่า คุณจะจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์เพื่อปกป้องสุขภาพของคุณ คุณจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่าง ๆ ให้มากที่สุด

ตัวอย่างเช่น หากงานของคุณทำให้คุณสัมผัสสารต่าง ๆ ที่ทำให้ปอดระคายเคือง ให้ปรึกษาแพทย์และผู้ควบคุมงานเกี่ยวกับวิธีปกป้องตนเอง เช่น การสวมใส่หน้ากากกันฝุ่นละออง หรือหน้ากากกันฝุ่นส่วนบุคคล หากงานอดิเรกทำให้เกิดอาการผิดปกติ คุณอาจจำเป็นต้องหางานอดิเรกอื่นๆ

หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

Hello Health Group ม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 25/05/2021

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา