backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

Pneumonia (ปอดอักเสบ) เกิดจากอะไร และใครคือกลุ่มเสี่ยง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 16/04/2022

Pneumonia (ปอดอักเสบ) เกิดจากอะไร และใครคือกลุ่มเสี่ยง

Pneumonia คือ โรคปอดอักเสบ หรือโรคปอดบวม เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย รา หรือไวรัสที่ถุงลม ซึ่งอาจเกิดขึ้นที่ปอดข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้างก็ได้ โดยปอดของผู้ติดเชื้อมักมีของเหลวหรือหนอง ทำให้หายใจลำบาก ไอ และมีไข้ ทั้งนี้ โรคปอดอักเสบอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นทารก คนชรา หรือมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

อาการ

อาการของ Pneumonia

โรคปอดอักเสบมักแสดงอาการอย่างรวดเร็วในช่วง 24 ถึง 48 ชั่วโมงหลังจากการติดเชื้อ หรืออาจแสดงหลังจากการติดเชื้อหลายวัน โดยอาการที่พบบ่อย มีดังนี้

  • ไอแห้งหรือไอมีเสมหะ
  • เจ็บหน้าอก
  • หายใจลำบาก
  • หัวใจเต้นแรง
  • ไข้สูง
  • ไม่อยากอาหาร
  • เหงื่อออกมากและตัวสั่น
  • นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบ โดยเฉพาะเด็ก คนชรา หรือผู้ป่วยที่มีโรคอยู่ก่อนแล้ว เช่น เบาหวาน อาจพบอาการแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

    • เยื่อหุ้มปอดอักเสบ (Pleuritis) หรือ การอักเสบของเนื้อเยื่อที่หุ้มรอบปอดทั้ง 2 ข้าง โดยผู้ป่วยจะเจ็บหน้าอก อาการอาจแย่ลงเมื่อหายใจ ไอ หรือจาม นอกจากนี้ อาการเยื่อหุ้มปอดอักเสบยังอาจนำไปสู่ภาวะการหายใจล้มเหลวได้
    • ฝีในปอด (Lung Abscess) เป็นอาการที่พบได้ยาก มักพบในผู้ป่วยซึ่งป่วยเป็นโรคอื่นก่อนแล้ว หรือผู้มีประวัติโรคพิษสุราเรื้อรัง
    • ภาวะเลือดมีแบคทีเรีย (Bacteremia) หรือโลหิตเป็นพิษ เนื่องจากมีแบคทีเรียในเลือด โดยปกติ ในเลือดของมนุษย์จะไม่มีแบคทีเรียเจือปน หากมีแบคทีเรียในเลือด อาจเกิดได้จากชีวิตประจำวัน เช่น การแปรงฟันอย่างรุนแรง หรือการเข้ารับการรักษาโรค รวมทั้งอาจเกิดได้จากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือแผลติดเชื้อ รวมทั้งจากโรคปอดอักเสบ

    สาเหตุ

    สาเหตุของ Pneumonia

    โรคปอดอักเสบเกิดจากสาเหตุ ดังนี้

    • แบคทีเรีย แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบที่พบบ่อย คือ Streptococcus Pneumoniae ซึ่งอาจเกิดขึ้นเองหรือเกิดจากการเป็นหวัด แบคทีเรียชนิดนี้ ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ หรือการติดเชื้อแบคทีเรียที่กลีบของปอดได้
    • เชื้อรา เป็นสาเหตุหลักของโรคปอดอักเสบในผู้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือป่วยเป็นโรคเรื้อรัง โดยการสูดดมเชื้อราซึ่งอาจปนเปื้อนอยู่ในดิน มูลนก และสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว
    • ไวรัส เป็นสาเหตุหลักของโรคปอดอักเสบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ โดยไวรัส SARS-CoV-2 ต้นเหตุของโรคโควิด-19 ก็สามารถทำให้เกิดโรคปอดอักเสบได้เช่นกัน และผู้ป่วยโควิด-19 มีแนวโน้มสูงที่จะป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ ทั้งนี้ ไวรัสซึ่งทำให้เกิดโรคหวัด ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบได้เช่นกัน

    นอกจากสาเหตุหลักทั้ง 3 ที่กล่าวมา โรคปอดอักเสบยังเกิดได้จากการสำลักอาหาร น้ำ อาเจียน หรือน้ำลาย ซึ่งเรียกว่า โรคปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia) โรคปอดอักเสบประเภทนี้ มีแนวโน้มเกิดในคนที่มีปัญหาเกี่ยวการไอ โดยหากไม่สามารถไอเอาสิ่งที่หลุดเข้าไปในปอดออกมาได้ เชื้อแบคทีเรียก็จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นในปอด

    เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ

    เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ

    ควรไปพบคุณหมอเมื่อพบอาการต้องสงสัยของโรคปอดอักเสบ เช่น ไอ ไข้สูง หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก

    หากบุคคลในกลุ่มเสี่ยงมีอาการที่เข้าข่ายเป็นโรคปอดอักเสบ ควรรีบไปหาคุณหมอทันที เพราะอาจมีอาการของโรคที่รุนแรงกว่าปกติ หรืออันตรายถึงชีวิต โดยกลุ่มเสี่ยงประกอบด้วย

    • เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
    • ผู้ใหญ่อายุ 65 ปี ขึ้นไป
    • บุคคลซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ผู้ป่วยเอชไอวี หรือผู้ที่ผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
    • บุคคลที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ

  • บุคคลที่สูบบุหรี่ เพราะสารในบุหรี่อาจไปทำลายระบบในร่างกายที่จะต่อสู้กับแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบ
  • ในกรณีที่มีอาการต้องสงสัยของโรคปอดอักเสบ และสูญเสียความสามารถในการรับรสและดมกลิ่นร่วมด้วย อาจเป็นไปได้ว่า กำลังติดเชื้อโควิด-19 ควรเข้ารับการตรวจเชื้อและทำการรักษาทันที

    การวินิจฉัยและการรักษาโรค

    การวินิจฉัย Pneumonia

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

    ในการวินิจฉัยโรคปอดอักเสบ คุณหมอจะเริ่มสอบถามเกี่ยวกับอาการของคนไข้ ตามด้วยประวัติการเจ็บป่วย และการสูบบุหรี่ จากนั้นคุณหมอจะตรวจปอดด้วยการฟังเสียง หากเป็นโรคปอดอักเสบมักได้ยินเสียงครืดคราดเมื่อหายใจเข้า

    นอกจากนี้ คุณหมออาจขอตรวจเพิ่มเพื่อยืนยันว่าคนไข้เป็นโรคปอดอักเสบ ด้วยวิธีการดังนี้

    • ตรวจเลือด เพื่อหาสัญญาณของการติดเชื้อจากแบคทีเรีย
    • เอกซเรย์หน้าอก เพื่อมองหาการติดเชื้อบริเวณปอด และการกระจายตัวของโรค
    • วัดออกซิเจนในเลือด เพื่อตรวจระดับออกซิเจนในเลือด เนื่องจากหากป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ ปอดจะไม่สามารถทำหน้าที่กระจายออกซิเจนสู่กระแสเลือดได้อย่างเพียงพอ
    • ตรวจเสมหะ เพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อว่าเป็นแบคทีเรียหรือเชื้อรา
    • ตรวจของเหลวในเยื่อหุ้มปอด (Pleural Fluid Culture) เป็นอีกวิธีหนึ่งในการหาสาเหตุการติดเชื้อ โดยเจาะเอาของเหลวจากช่องเยื่อหุ้มปอดเอาออกมาตรวจวิเคราะห์

    การรักษา Pneumonia

    โรคปอดอักเสบรักษาได้ โดยเน้นการรักษาอาการติดเชื้อและป้องกันโรคแทรกซ้อน โดยทั่วไป คุณหมอมักอนุญาตให้คนไข้กลับบ้านไปพักผ่อน พร้อมกับจ่ายยารักษาโรคพื้นฐานให้ เช่น ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ไอ ยาลดไข้ ซึ่งมักหายภายใน 2-3 วัน หรืออาจเป็นสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน แต่หากคนไข้ป่วยเป็นโรคปอดอักเสบเนื่องจากโควิด-19 คุณหมอจะรักษาด้วยยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir)

    อย่างไรก็ตาม คุณหมออาจให้คนไข้นอนโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว ในกรณีดังนี้

    • อายุน้อยกว่า 2 ปี หรืออายุมากกว่า 65 ปี
    • สมองมีอาการสับสนเกี่ยวกับเวลา สถานที่ หรือผู้คน
    • การทำงานของไตอยู่ในเกณฑ์ผิดปกติ
    • ความดันช่วงหัวใจบีบตัวต่ำกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท
    • ความดันช่วงหัวใจคลายตัวเท่ากับหรือต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท
    • หายใจเร็วตั้งแต่ 30 ครั้งต่อนาที เพราะโดยปกติคนเราหายใจอยู่ที่ 20-26 ครั้งต่อนาที
    • ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
    • มีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ
    • อัตราการเต้นของหัวใจเต้นต่ำกว่า 50 ครั้งต่อนาที หรือมากกว่า 100 ครั้งต่อนาที

    การปรับพฤติกรรมและดูแลตัวเอง

    เพื่อลดโอกาสป่วยด้วยโรคปอดอักเสบ ควรปรับพฤติกรรมดังนี้

    • ล้างมือสม่ำเสมอ ด้วยวิธีการล้างมือ 7 ขั้นตอนเพื่อลดความเสี่ยงในการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
    • งดสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่ทำให้ปอดเสียหาย และในเวลาเดียวกัน เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อเพราะสารนิโคตินทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ
    • ดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากและเป็นประจำทุกวัน มีผลทำให้ระบบป้องกันโรคของปอดทำงานแย่ลง จึงควรลดปริมาณและความถี่ในการดื่มลง
    • รักษาสุขภาพให้ระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพ ด้วยการออกกำลังกาย เลือกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย รวมถึงนอนหลับให้เพียงพอ
    • ฉีดวัคซีน วัคซีนสามารถป้องกันโรคปอดอักเสบได้ในบางกรณี เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หรือโรคนิวโมคอคคัล (Pneumococcal Disease) อันเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคปอดอักเสบ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 16/04/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา